คนโลกใบนี้มีศาสตร์การทำนายมากมายหลากหลายรูปแบบ ที่จะช่วยให้เราสามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบเป็นอย่างมากคงจะหนีไม่พ้น เซียมซี เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการที่ง่าย ที่จะทำให้เราล่วงรู้อนาคตก่อนที่จะเกิดขึ้น ช่วยให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ด้วยความง่ายในการใช้งาน ทำให้เซียมซีเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม ไม่ต้องพบหมอดู เพียงแค่ไปที่วัดหรือในสถานที่ที่มีบริการก็สามารถทำนายดวงชะตาในอนาคตได้เลย มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงยังไม่รู้ประวัติความเป็นมาของมัน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเซียมซีให้มากขึ้น ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับการเสี่ยงเซียมซีแบบเจาะลึก
ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน คำว่า เซียมซี มีความหมายว่า สิ่งที่ใช้ดูดวงตามวัดหรือศาลเจ้า มีไม้ติ้วที่เขียนเลขกำกับเอาไว้เพื่อใช้ในการเสี่ยงทาย ตามภาษาจีนแล้วคำว่า “เซียม” มีความหมายถึง กระดาษที่แผ่นขนาดเล็กและยาว ส่วนคำว่า “ซี” มีความหมายถึง บทกลอน
ด้วยเหตุนี้คำทำนายจึงมักจะออกมาในลักษณะของกลอนสุภาพ ที่ถูกแต่งออกมาให้มีความคล้องจองกัน บางครั้งอาจทำให้อ่านแล้วตีความหมายได้ยาก แต่สาเหตุก็เป็นเพราะว่าความเป็นมาของมันตามภาษาจีนต้องทำนายดวงออกมาเป็นบทกลอน นั่นเอง
นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกด้วยว่า คำว่า “เซียมซี” เพี้ยนมาจากคำว่า “เซียนซือ” เป็นภาษาจีนที่มีความหมายถึง ผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ บ้างก็ว่าคำดังกล่าวมีความหมายถึง ไม้ติ้วเสียงไทยและโคลงบนต้นไม้ เช่นเดียวกัน
รูปแบบการทำนายดังกล่าวคาดว่าเข้ามาในประเทศไทยในช่วงที่มีชาวจีนอพยพเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
สถานที่แรกที่นำมาใช้เชื่อว่าเป็น ศาลเจ้าลิ้มกอเหนี่ยว ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปัตตานี ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศไทย ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2116 แรกเริ่มเดิมทีมีการเขียนคำทำนายเป็นภาษาจีน ก่อนจะมีผู้รู้มาแปลผลเสี่ยงทายให้คนไทยอย่างเราได้ทราบถึงใจความ
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานระบุเอาไว้อีกด้วยว่า การเสี่ยงเซียมซีในยุคของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ผู้ที่แปลภาษาจีนให้กลายเป็นภาษาไทยนั้นชื่อว่า นายเปลี่ยน แซ่ส่อง จากนั้นก็ได้มีการพิมพ์คำแปลถวายให้แก่วัด
ในภายหลังได้ทราบว่าวัดมีการจำหน่ายให้กับผู้ที่เข้ามาทำนาย จึงเปลี่ยนรูปแบบด้วยการเขียนบนกระจกใสแทน ผู้ที่เข้ามาเสี่ยงดวงจะได้ไม่จำเป็นต้องเสียทรัพย์สินเงินทอง โดยเราสามารถแบ่งรูปแบบออกได้เป็นทั้งหมด 2 รูปแบบประกอบไปด้วยแบบ
ไม้ติ้วซึ่งจะเป็นไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 ฟุต ลักษณะแบนและเล็ก ด้านบนเขียนเลขกำกับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีทั้งหมด 28 ตัวเลข ถูกใส่เอาไว้ในกระบอกไม้ไผ่อีกทีหนึ่ง เมื่อจะทำการทำนายให้อธิษฐานแล้วเขย่าเซียมซี จนกว่าจะมีไม้หล่นลงมา 1 อัน ซึ่งจะเป็นคำทำนายถึงสิ่งที่อธิษฐานเอาไว้ จากนั้นให้นำเอาตัวเลขจากไม้ติ้วที่หล่นลงมาไปรับคำทำนาย
แบบที่ 2 คือ ไม้ปวย ลักษณะจะเป็นไม้ที่โค้งเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว เรียบ 1 ด้าน และนูนโค้งหนึ่งด้าน มีทั้งหมด 2 ชิ้น เมื่อนำด้านเรียบมาประกบกันจะแนบกันพอดี สามารถใช้ทำนายได้หลากหลาย บ้างก็นำเอามาทำนายหลังจากที่เราเสี่ยงแบบไม้ติ้วไปแล้ว หากโยนแล้วพบว่าคว่ำทั้งคู่ให้ไปเสี่ยงใบใหม่ หากหงายทั้งคู่แปลว่าไม่มีความคิดเห็น หากคว่ำ 1 อันหงาย 1 อันมีความหมายว่าใช่แล้วไม่ต้องไปเสี่ยงใหม่
รวมสถานที่เสี่ยงเซียมซีสุดฮิต รับผลทำนายสุดแม่นยำ
วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
ใครที่อยากจะเสี่ยงเซียมซีแบบแม่นๆ เราขอแนะนำให้มาที่นี่เลย เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และความแม่นยำเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในยังมีวิหารพระนอนที่ผู้คนมักมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องความรัก ตัดกรรม ขอให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุขอีกด้วย
วัดกัลยาณมิตรมหาวิหาร
เป็นวัดที่ผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อเสี่ยงดวงเป็นอย่างมาก เป็นจุดเริ่มต้นในการแปลความหมายของใบเซียมซี ส่วนใหญ่แล้วมักจะขอพรเกี่ยวกับการเดินทาง การค้าขาย การทำธุรกิจ และมิตรสหาย
วัดหัวลำโพง
เป็นวัดที่ผู้คนเดินทางมาเพื่อขอพรเกี่ยวกับเรื่องโชคลาภและการเงิน มีจุดให้บริจาคโลงศพตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อปู่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อทำนายว่า อนาคตจะเป็นอย่างไรด้วยการเสี่ยงเซียมซีอีกด้วย
วัดมหาบุศย์
หรือที่หลายคนเรียกในชื่อเล่นว่า วัดแม่นาคพระโขนง เนื่องจากเป็นจุดเกิดเหตุตำนานความรักมั่นคงไม่มีเปลี่ยนแปลงของแม่นาคนั่นเอง นอกจากผู้คนจะนิยมเดินทางมากราบไหว้บูชาเพื่อขอความรัก ขอลูก หรือขอให้ผ่านพ้นการเกณฑ์ทหารไปได้ด้วยดีแล้ว ยังนิยมเดินทางมาเพื่อดูชะตาว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรอีกด้วย
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
ถึงจะไม่ใช่วัดหรือศาลเจ้า แต่ก็เป็นที่สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาบ้านเมือง ผู้คนที่มากราบไหว้บูชาจะทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงเพื่อเป็นการต่อชะตาและตัดกรรม มีจุดให้เราได้เสี่ยงเซียมซีรับคำทำนายที่จะบอกถึงอนาคตได้อย่างแม่นยำ ก่อนทำการเสี่ยงดวงหลายคนมักจะขอพรเกี่ยวกับเรื่องหน้าที่การงานและความมั่นคงในชีวิตเหมือนกับเสาหลักเมือง
วัดสร้อยทอง
ที่วัดสร้อยทองมีพระพุทธรูปประจำวัดที่ศักดิ์สิทธิ์และได้รับความนิยมอย่างหลวงพ่อเหลือ ผู้คนจึงนิยมเดินทางมาเพื่อกราบไหว้บูชาอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีที่ให้เราได้เสี่ยงดวงสำหรับการขอพรเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองและโชคลาภอีกด้วย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com
