บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์มากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะเรื่องภูตผีปีศาจที่ไม่สามารถจับต้องได้ ด้วยเหตุนี้ร่างทรงจึงยังคงเป็นปริศนาสำหรับกลุ่มคนที่ยึดถือในวิทยาศาสตร์ว่าพวกเขาสามารถใช้ร่างกายตนเองเป็นภาชนะเพื่อติดต่อกับสิ่งลี้ลับเหล่านี้ได้จริงหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอาชีพดังกล่าวถือกำเนิดมาจากอะไร ทำไปเพื่ออะไร สำหรับใครที่สนใจ เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าพวกเขาคือใครและทำหน้าที่อะไรกันแน่
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับร่างทรงในไทย บุคคลผู้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนในชนบท
ร่างทรง ในประเทศไทยนั้นบางพื้นที่ในแถบชนบทเรียกได้ว่า เป็นบุคคลผู้ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านเลยทีเดียว เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าประเทศไทยของเรานั้น ก่อนจะนับถือศาสนาพุทธเหมือนในปัจจุบัน อดีตเราเคยนับถือศาสนาผีมาก่อน
ผีในอดีตไม่ได้เหมือนกับภูตผีปีศาจเหมือนกับในปัจจุบันแต่อย่างใด แต่หมายถึงสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติที่ทรงอำนาจและมีพลังในการทำบางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์แต่ยังรวมไปถึงทุกสิ่งอย่างในธรรมชาติ
จะบอกว่าสิ่งลี้ลับเหล่านี้ถูกยกขึ้นไปเทียบเคียงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการมีอยู่ของอาชีพนี้ในประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ และการที่ผู้คนบางส่วนเชื่อถือนั้นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเช่นเดียวกัน
ร่างทรงเป็นอาชีพที่หากจะพูดให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนก็คือ มนุษย์คนหนึ่งที่สามารถทำให้ร่างกายของตนเองเป็นเหมือนกับภาชนะเปล่าได้ จากนั้นก็ทำการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือเทพเจ้า เหมือนกับน้ำที่เทลงไปในภาชนะนั้น
เมื่อพวกเขาสามารถติดต่อกับสิ่งเหล่านี้ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการขอหวย ขอคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา หรือแม้แต่การรักษาอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีที่มาที่ไป ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้ผู้คนรู้สึกคลายกังวลและสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าตัวเอง
รู้หรือไม่ ร่างทรงไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
ร่างทรงไม่ได้มีอยู่ในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว แต่ยังมีกระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย โดยในแต่ละพื้นที่ก็จะมีชื่อเรียกรวมไปถึงการทำพิธีกรรมที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น
มูดัง
ร่างทรงจากเกาหลีใต้ที่ใช้ตนเองเป็นจุดศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างเทพและมนุษย์ วิธีการก็คือจะร่ายรำให้เข้ากับจังหวะเพลง ในสมัยโบราณพวกขุนนางอำมาตย์หรือแม้แต่กษัตริย์จะใช้คนทรงเจ้าเหล่านี้ ทำพิธีเพื่อติดต่อสื่อสารกับเทพเพื่อขอคำแนะนำในด้านต่างๆ อย่างเช่น การบริหารบ้านเมือง การรักษาโรคติดต่อ ทำพิธีสาปแช่งศัตรู ทำพิธีปลุกเสกของศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่ขอให้ดูดวงทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ยังได้
มิโกะ
หลายคนน่าจะคุ้นชื่อร่างทรงจากประเทศญี่ปุ่นกลุ่มนี้ เนื่องจากพวกเธอมักปรากฏตัวอยู่ในสื่อบันเทิงของญี่ปุ่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฉบับคนแสดงหรือการ์ตูนก็ตาม พวกเธอจะเป็นหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวและแดง ทำหน้าที่ในการขายเครื่องรางรวมไปถึงต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากราบไหว้ศาลเจ้า
ย้อนกลับไปในอดีตพวกเธอนั้นเป็นคนที่ต้องทำพิธีบวงสรวงเทพอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเต้นรำหรือแม้แต่การสวดมนต์ก็ตาม เป็นผู้รับคำพยากรณ์มาจากเทพและนำเอาไปเผยแพร่ให้ผู้คนได้รับรู้ ปัจจุบันพวกเธอได้ลดบทบาทหน้าที่ของตนเองลงมา เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้พวกเธอกลายเป็นผู้ช่วยนักบวชในการทำพิธีมากกว่าการเข้าทรงเหมือนกับในอดีต
ดรูอิด
ย้ายมาในฝั่งยุโรปตอนเหนือกันบ้าง กับร่างทรงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้วิเศษแห่งป่าดงพงไพร สามารถใช้พลังวิญญาณของตัวเองในการติดต่อสื่อสารกับสรรพสัตว์หรือแม้แต่ธรรมชาติได้ เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวเคลต์ที่อาศัยอยู่บริเวณยุโรปทางตอนเหนือ และยังมีความเกี่ยวข้องกับตำนานเทพนอร์สอีกด้วย
พวกเขาเป็นนักพยากรณ์ที่จะใช้ธรรมชาติเป็นสื่อกลางติดต่อสื่อสารกับธรรมชาติ เพื่อนำเอาข้อมูลมาเผยแพร่ให้กับมนุษย์ แต่หากย้อนกลับไปในอดีตความจริงแล้ว หน้าที่ของพวกเขาแบบดั้งเดิมดูเหมือนจะเป็นพวกนักกฎหมายหรือกลุ่มนักบวชเสียมากกว่า
สังคมของชนเผ่าดังกล่าวจะมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างเช่น อัศวิน ชาวบ้าน เกษตรกร และดรูอิดที่ไม่ได้เป็นคนทรงเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเปรียบเสมือนครูที่มอบความรู้ทางการศึกษาให้ผู้คน เป็นที่ปรึกษาให้กับเหล่าผู้นำ
แถมบางครั้งยังทำหน้าที่เหมือนศาลคอยพิพากษาความผิดอีกต่างหาก เนื่องจากคำดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ทรงภูมิหรือผู้ที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำหน้าที่เหมือนกับที่ปรึกษาเป็นหลัก
เชแมน
มาต่อกันที่ฝั่งอเมริกากับคนทรงของชนพื้นเมืองในอเมริกา ทำหน้าที่ในการเข้าถึงสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติเพื่อช่วยแก้ปัญหาหรือแม้แต่การรักษาโรคร้าย ที่มาไม่ได้เกิดจากศาสนาแต่เป็นสิ่งที่ผู้คนเชื่อกันว่า ธรรมชาติไม่สามารถอยู่ภายใต้การควบคุมได้
ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการทำพิธีอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษหรือสัตว์เข้ามาให้ความช่วยเหลือนั่นเอง มีทั้งแบบยืมพลังจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ให้วิญญาณสัตว์เข้าทรงในฝันเพื่อพยากรณ์บอกเหตุ นอกจากนี้ยังสามารถปลุกเสกสิ่งของได้อีกด้วย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com