ว่านลูกไก่ทอง ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มาพร้อมกับฟอร์มต้นสุดน่ารัก 

ต้นไม้แต่ละชนิดก็จะมีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป ซึ่งว่านลูกไก่ทอง ก็เป็นอีกหนึ่งต้นไม้ที่มีหน้าตาแปลกประหลาดและแตกต่างจากต้นไม้อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด หากดูแบบผิวเผินแล้วพวกเขานั้นมีลักษณะเหมือนกับลูกเจี๊ยบแทบจะไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว พวกเขานั้นมีลำต้นส่วนปลายเป็นตอที่จะมีขนสีทองอร่ามไปทั่วทั้งลำต้น ทำให้พวกเขาเป็นต้นไม้ที่ดูมีความน่ารักน่าเลี้ยงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังขึ้นชื่อว่ามีความเป็นสิริมงคล เลี้ยงแล้วช่วยให้ร่ำรวยเงินทองได้อีกต่างหาก วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนไปดูกันว่าพวกเขาคือต้นไม้อะไรกันแน่และจะช่วยเพิ่มความโชคดีให้กับเราได้อย่างไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ทำความรู้จักกับว่านลูกไก่ทอง ต้นไม้ที่เชื่อว่าสามารถเรียกเงินเรียกทองได้ 

ว่านลูกไก่ทอง เป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มของเฟิร์น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะมีขนปกคลุมตลอดทั้งตัวอย่างไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าสนใจก็คือขนตามลำตัวของพวกเขานั้นค่อนข้างยาวแถมยังเป็นสีเหลืองทอง ประกอบกับรูปแบบของเหง้าที่เป็นก้อนโปะอยู่กับหน้าดิน ทำให้ยิ่งเหมือนกับลูกไก่มากขึ้นไปกว่าเดิม บางทีหากพวกเขามีก้านโผล่ขึ้นมาเป็นสีน้ำตาล ก็ยิ่งเหมือนกับส่วนหัวของลูกเจี๊ยบอีกด้วย

เราอาจจะเคยเห็นพวกเขามาก่อนในลักษณะของต้นไม้ที่เป็นก้อน แต่ความจริงแล้วพวกเขาสามารถงอกลำต้นและใบออกมาเป็นสีเขียวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีลักษณะเป็นก้านขนาดเล็กขนาดประมาณตะเกียบที่จะโผล่พ้นเหง้าขึ้นมา เป็นสีเขียวอ่อนสดใสมีขนตามก้านและใบเป็นสีขาวสั้น ๆ

ส่วนใบของพวกเขานั้นก็จะเหมือนใบไม้ตระกูลเฟิร์นทั่วไป ตอนที่ก้านงอกออกมาแต่ใบยังไม่งอกนั้น จะทำให้บริเวณปลายของก้านมีความคดโค้งเหมือนกับรูปก้นหอย ทำให้ดูน่าพิศวงเป็นอย่างมาก หากเลี้ยงดูให้ดีจนเจริญเติบโตเต็มที่สามารถมีความสูงได้กว่า 3 เมตร 

ว่านลูกไก่ทองสามารถพบได้ทั่วไปในบริเวณป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 เมตรไปจนถึง 1.5 พันเมตร ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถพบเห็นผู้คนวางขายพวกเขาตามเขตพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลในระดับที่เราได้กล่าวไปนั่นเอง 

หากเราต้องการขยายพันธุ์ก็สามารถทำได้ด้วยการแยกหน่อ พวกเขาชื่นชอบดินที่เปรี้ยว มีความชื้นสูงแต่สามารถระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดแค่พอรำไร และยังต้องการความชื้นสูงอีกด้วย 

ด้วยข้อจำกัดในการเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงหาซื้อมาเลี้ยงได้ยาก แต่ราคาก็ไม่ได้แพงเกินไปแต่อย่างใด หากต้นเล็กราคาก็จะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 80 บาท ต้นใหญ่หน่อยราคาก็อยู่ที่ประมาณ 300 บาทขึ้นไป 

ว่านลูกไก่ทองจัดว่าเป็นว่านมหามงคลอยู่ในกลุ่มว่านกายสิทธิ์ที่ควรเลี้ยงติดบ้านเอาไว้ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มโชคให้คุณร่ำรวยเงินทองมากขึ้นกว่าเดิม ยังสามารถป้องกันอันตรายให้กับผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านได้อีกต่างหาก 

นอกจากนี้ยังจัดว่าเป็นว่านเสี่ยงทาย เพราะหากเราเลี้ยงให้พวกเขาเจริญเติบโตงอกงามและในกลางดึกที่เงียบสงัด หากเราได้ยินเสียงไก่ร้องโดยที่บริเวณใกล้เคียงไม่มีไก่ ก็สามารถทำนายได้ว่า เราจะมีโชคลาภมาเยือน แถมยังเป็นโชคลาภก้อนใหญ่อีกด้วย 

โดยเสียงไก่ร้องที่แต่ละคนได้ยินนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนก็ได้ยินเสียงของลูกเจี๊ยบร้องจิ๊บ ๆ บางคนก็ได้ยินเสียงร้องของไก่ดังกุ๊ก ๆ เช่นเดียวกัน สิ่งที่ควรระมัดระวังในการปลูกพวกเขาก็คือ หากปลูกเอาไว้บริเวณหน้าบ้าน ไม่ได้เลี้ยงในกระถางห้ามเดินข้ามโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังไม่ควรล้างมือใส่หรือไปปัสสาวะรดอีกด้วย เพราะจะทำให้ความมงคลหายไป 

หากเราเลี้ยงพวกเขาได้เป็นอย่างดีและพวกเขาเจริญเติบโตและงอกงาม คนที่ทำมาค้าขายก็จะเจริญรุ่งเรือง สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาภายในบ้านได้ นอกจากนี้เรายังสามารถเก็บขนของว่านหรือก้านพกพาไปไหนมาไหนเป็นเครื่องรางได้ 

เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลได้เป็นอย่างดี และยังช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอันตรายได้อีกด้วย ปัจจุบันพวกเขานับว่าเป็นต้นไม้ที่หาได้ยากและเกือบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว โชคดีที่พวกเขานั้นถูกผูกโยงไว้กับความเชื่อ จึงมีกลุ่มคนที่ยังคงเพาะเลี้ยงพวกเขาทำให้พวกเขายังคงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้

รู้หรือไม่ ว่านลูกไก่ทองไม่ได้มีเพียงแค่ความศักดิ์สิทธิ์แต่ยังเป็นยาได้อีกด้วย 

ว่านลูกไก่ทอง อาจเป็นที่รู้จักในฐานะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเลี้ยงเอาไว้เพื่อช่วยเสริมดวง ทำให้ร่ำรวยเงินทองและมีโชคลาภมากขึ้นกว่าเดิมสมกับชื่อของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เหง้าของพวกเขานั้นจะมีแป้งกว่า 30% และเต็มไปด้วยสารมากมายที่มีฤทธิ์ในการห้ามเลือดกรณีที่ใช้รักษาแผลสด 

นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถผลิตเม็ดเลือดได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย มีสารเมทิลแอลกอฮอล์ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงนับว่าเป็นหนึ่งในยาจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว