วิชาความรู้แต่ละแขนงนั้นล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เราได้เรียนรู้ สำหรับในฝั่งของนาฏศิลป์และดนตรีนั้นก็ต้องยกให้ พ่อแก่ ผู้เป็นครูแห่งศาสตร์การบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการร้องรำทำเพลงหรือการแสดงก็ตาม สำหรับใครที่เคยเล่นดนตรีมาก่อนหรือมีความเกี่ยวข้องกับนาฏศิลป์อาจเคยได้ไหว้ท่านมาก่อน วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับท่านให้มากขึ้น พาทุกคนไปศึกษากันว่าท่านเป็นใครมาจากไหนและเพราะเหตุใดจึงกลายมาเป็นครูนาฏศิลป์ ที่ได้รับการเคารพนับถือมาจนถึงในปัจจุบัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับพ่อแก่ ฤๅษีผู้ที่ได้รับการเทิดทูนบูชาจากคนในวงการบันเทิง
พ่อแก่ หรือ พระฤๅษี นับว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะคนที่อยู่ในแวดวงศิลปะและบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การร้องรำทำเพลง การร่ายรำ การเล่นดนตรี และศาสตร์ที่เกี่ยวกับนาฏศิลป์ทั้งหลาย เนื่องจากเชื่อว่าในอดีตนั้น ท่านเป็นผู้ที่นำเอาศิลปะมาถ่ายทอดให้กับมนุษย์ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ความอ่อนช้อยและความงดงาม ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยน ความรัก ความเมตตา รวมไปถึงการให้อภัยแก่กัน
ทำให้มวลมนุษยชาติได้พบพานกับความสุข สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับศิลปะทุกแขนงจึงมองพ่อแก่ไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้าในด้านศิลปะเลยแม้แต่น้อย การบูชาท่านนั้นจะช่วยให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต ช่วยให้หน้าที่การงานมีความเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จสมปรารถนา และยังช่วยให้มีเสน่ห์ มีเมตตามหานิยม ไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้คนนิยมชมชอบ
สำหรับความเป็นมาของพ่อแก่นั้นมีตำนานเล่าขานกันว่า มีฤๅษีอยู่ทั้งหมด 108 องค์ โดยปางเสมอเถรนั้นนับว่าเป็นปางที่มีอิทธิฤทธิ์มากที่สุด ส่วนคำว่าฤๅษีนั้นมีความหมายถึงผู้ที่เห็นด้วยความรู้พิเศษที่เกิดมาจากการเข้าฌาน สามารถเห็นได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต บ้างก็มีความเรียกท่านว่าตฺริกาลชฺญที่มีความหมายถึงผู้รู้กาลทั้ง 3 เช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้นพ่อแก่ยังนับว่าเป็นผู้ที่ประทานวิชาความรู้ทั้งหลายทั้งมวลให้กับมนุษยชาติ มีข้อมูลระบุในตำนานทางเทววิทยารวมไปถึงโหราศาสตร์ที่มีข้อมูลตรงกันว่า พระพฤหัสบดีนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นอาจารย์แห่งวิชาความรู้ทั้งหมดในโลก ท่านเป็นผู้ที่จดจำท่าร่ายรำมาจากพระพรหมและสอนให้กับโอรสทั้ง 100 คนของตนเอง เพื่อที่จะได้นำเอาไปเผยแพร่ให้กับมนุษย์
ดังนั้นจึงนับว่าเป็นครูแห่งศาสตร์นาฏศิลป์ทั้งปวง ใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับศิลปะหรือนาฏศิลป์ จึงนิยมไหว้ครูเพื่อช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับหน้าที่การงานนั่นเอง และยังมีพิธีกรรมที่เรียกว่า พิธีครอบครู ซึ่งนับว่าเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ที่เข้าร่วมจะต้องสำรวม เพราะหากลบหลู่หรือไม่แสดงออกถึงความเชื่อถือ ก็อาจจะทำให้เสียสติหรือฟั่นเฟือนเลยทีเดียว
รูปบูชาของพ่อแก่จะมาในลักษณะของหัวโขน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วใบหน้าสีทองจะเป็นใบหน้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็มีพบสีเนื้อ สีจันทร์ สีลิ้นจี่แดง หรือสีกลีบบัวด้วยเช่นเดียวกัน จอนหูนั้นมีทั้งแบบลักษณะคล้ายกับหางปลาและแบบธรรมดา บางเศียรไม่ติดจอนหูก็มีเช่นเดียวกัน ใบหน้าก็มีหลากหลายลักษณะทั้งแบบใบหน้าอวบอ้วนเป็นทรงกลม ใบหน้าแบบผอมแห้ง สีหน้าก็มีทั้งยิ้มแย้มแจ่มใสและแบบหน้าดุ สวมใส่ยอดบายศรี ส่วนใหญ่แล้วมักจะยิ้มเห็นฟันแบบเต็มปากหรือเห็นฟัน 2 ซี่บน
เปิดวิธีการบูชาพ่อแก่และข้อห้ามที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด
อย่างที่เราบอกไปว่าพ่อแก่เป็นเหมือนกับครูบาอาจารย์ในการดนตรีและนาฏศิลป์ ดังนั้นผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับดนตรีและนาฏศิลป์เหล่านี้ จึงมักจะนิยมบูชาพ่อแก่อยู่เสมอเพื่อความเป็นสิริมงคล บ้างก็นิยมบูชาหรือกราบไหว้ก่อนทำการแสดง เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยให้การแสดงราบรื่นด้วยดี
การบูชานั้นส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มต้นทำกันในวันพฤหัสบดี สิ่งที่เราจะต้องเตรียมนั้นประกอบไปด้วยธูปจำนวน 25 ดอก พวงมาลัยดอกดาวเรือง 1 พวงหรือจะใช้ดอกไม้ 1 กำก็ได้เช่นเดียวกัน บุหรี่ 5 ม้วน หมากพลู 5 คำ มะพร้าวอ่อนแบบเปิดปากแล้วจำนวน 1 ลูก กล้วย 1 หวี น้ำเปล่า และน้ำหวาน การสวดมนต์เพื่อบูชาสามารถทำได้ตลอดเวลาตามที่สะดวก
สำหรับวิธีการให้จุดธูป ให้จุดธูปทั้งหมด 16 ดอกบริเวณพื้นที่กลางแจ้งใกล้กับที่พักหรือที่ทำการแสดง เพื่อเป็นการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางในการขออัญเชิญพ่อแก่ที่เราจะบูชา จากนั้นเราจึงจะสามารถบูชาท่านได้ด้วยการจุดธูป 9 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ และท่องบทสวด อุกาสะ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม ทุติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม ตะติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม
การบูชาพ่อแก่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่การกราบไหว้หรือการสวดมนต์ขอพรเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีข้อห้ามที่ผู้บูชาไม่ควรทำโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการดูหมิ่นครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ไม่ดูหมิ่นบุพการีของทั้งตนเองและผู้อื่น ห้ามเนรคุณหรืออกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
ห้ามวางท่านเอาไว้ในบริเวณที่สูงกว่าหรืออยู่เสมอกับพระพุทธรูป นอกจากนี้ยังห้ามวางเอาไว้ปลายเตียง หน้าห้องน้ำ รวมไปถึงบันไดอีกด้วย ผู้ที่บูชาห้ามลอดราวตากผ้าโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังห้ามผิดศีลข้อ 3 นั่นก็คือ การยุ่งเกี่ยวทางกายกับคนที่มีเจ้าของแล้วนั่นเอง