ใครจะคิดว่าขนมก็สามารถใช้ทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่าง คุกกี้เสี่ยงทาย ขนมคุกกี้กรุบกรอบรูปทรงแปลกตา ที่มาพร้อมกับคำทำนายที่ซ่อนอยู่ภายใน มันกลายมาเป็นของหวานยอดนิยมในร้านอาหารทั่วโลก แม้ว่าต้นกำเนิดของมันจะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ มันทั้งอร่อยและน่าสนใจ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าคุกกี้ชนิดนี้ว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร และทำนายได้แม่นมากแค่ไหน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
มากกว่าแค่ขนม คุกกี้เสี่ยงทาย ทำนายอนาคต
คุกกี้เสี่ยงทาย ขนมที่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อ แม้ว่าลักษณะภายนอกของมันจะดูน่ารักก็ตาม คุกกี้ดังกล่าวจะเป็นการนำเอาแป้งไปอบในลักษณะแผ่นกลม ๆ เมื่อออกมาจากเตาอบร้อน ๆ คนทำขนมก็ต้องรีบนำเอากระดาษคำทำนายใส่ไว้ตรงกลางแล้วพับขนมคุกกี้ให้เป็นทรง รสชาติของมันจะกรอบ ๆ หวาน ๆ ทำมาจากแป้ง วานิลลา น้ำตาล และน้ำมันงาแบบง่าย ๆ
ในปัจจุบัน คุกกี้เสี่ยงทายไม่ได้แค่สอดแทรกคำทำนายดวงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยการสอดแทรกคติดี ๆ คำคมสอนใจ หรือข้อความให้กำลังใจอีกด้วย บางที่ก็มีการใส่เลขนำโชคเข้าไป ใครที่ได้ไปก็สามารถนำเอาตัวเลขดังกล่าวไปซื้อสลากกินแบ่งได้เหมือนกัน คุกกี้เหล่านี้มักถูกเสิร์ฟปิดท้ายตามภัตตาคารอาหารจีนและร้านอาหารทั่วโลก นิยมรับประทานพร้อมกับชา
ประวัติความเป็นมาของคุกกี้เสี่ยงทาย
คุกกี้เสี่ยงทาย เป็นเครื่องมือทำนายอนาคตรสชาติอร่อยสุดน่ารัก ที่หลายคนเข้าใจผิดว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ริเริ่มคือภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และเนื่องจากเสิร์ฟในภัตตาคารอาหารจีน มันจึงทำให้คนเข้าใจผิดว่า มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนนั่นเอง
ความเป็นมาของคุกกี้เสี่ยงทาย ต้องพาทุกคนย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 คุกกี้ดังกล่าวถูกอบขึ้นมาโดยมีลักษณะใกล้เคียงกับคุกกี้โชคลาภที่ถูกคิดค้นในกรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ช่วงเวลานั้นมีประเพณีว่า
วัดในประเทศญี่ปุ่นจะต้องสุ่มคุกกี้ที่เรียกว่า โอมิคุจิ ภายในจะบรรจุข้อความภาษาญี่ปุ่นที่แตกต่างกันออกไป ตัวคุกกี้เองก็ยังมีลักษณะที่แตกต่างกันแล้วแต่คนทำอีกด้วย เป็นการผสมผสานกันระหว่าง แป้ง งา และมิโซะ ทำให้รสชาติมีความเค็ม ๆ มัน ๆ แตกต่างจากของสมัยนี้
จากนั้นชายที่มีชื่อว่า มาโกโตะ ฮากิบาระ ผู้เป็นเจ้าของสวนชาญี่ปุ่นในเมืองซานฟรานซิสโกอย่าง Golden Gate Park’s ก็ได้ทำคุกกี้ขึ้นมาในสวนชาของตัวเอง โดยอ้างอิงจากคุกกี้โชคลาภในช่วงปี 1890 หลังจากนั้น เดวิด จอง ผู้ก่อตั้งบริษัทฮ่องกงนู้ดเดิ้ลในเมืองลอสแองเจลิส ก็ได้ออกมาอ้างว่า เขาเป็นผู้คิดคุกกี้เสี่ยงทาย โดยสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับดวงชะตาลงไปในคุกกี้เป็นคนแรกเมื่อปี 1918
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นข้อพิพาทถึงขั้นที่ต้องมีการตัดสินคดีความกันเลยทีเดียว สรุปแล้วรัฐบาลกลางได้ตัดสินว่า คุกกี้ดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจาก มาโกโตะ ทำให้ชาวเมืองลอสแองเจลิสออกมาประณามการตัดสินดังกล่าวอย่างหนัก แต่ประเด็นยังไม่จบเพียงเท่านั้น
เพราะชายผู้มีชื่อว่า เซอิชิ คิโตะ ผู้ก่อตั้ง Fugetsu-do ในเมืองลอสแองเจลิส ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาอ้างว่า ตัวเองเป็นคนคิดค้นคุกกี้ เขากล่าวว่า ตนเองมีความคิดในการใส่ข้อความลงไปในคุกกี้ที่ขายตามวัดและศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่น เขาได้ขายคุกกี้ให้กับร้านอาหารจีนจนประสบความสำเร็จอย่างงดงามและคุกกี้ดังกล่าวก็ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลก
ช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 คุกกี้เสี่ยงทายถูกทำขึ้นด้วยมือทั้งสิ้น แต่เมื่อมีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการอาหาร คุกกี้ดังกล่าวก็เริ่มมีเครื่องจักรสำหรับการผลิตโดยเฉพาะ เครื่องจักรดังกล่าวถูกคิดค้นโดย ชัคค์ ยี ชายจากเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้มันได้รับการพัฒนาจากขนมที่แจกจ่ายให้กับลูกค้าในภัตตาคารอาหารจีน สู่ขนมคุกกี้ที่ไม่ว่าใครก็สามารถรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา
รู้หรือไม่ คุกกี้เสี่ยงทายทำนายได้แม่นยำกว่าที่หลายคนคิด
ใครจะไปคิดว่าคุกกี้เสี่ยงทายที่ทำออกมาเพื่อเพิ่มความสนุกสนานหลังมื้ออาหาร จะมีความแม่นยำถึงขั้นที่ หลายคนเคยได้โชคจากขนมเมนูนี้มาแล้วนักต่อนัก ถึงแม้ว่าในปัจจุบันส่วนใหญ่แล้ว กระดาษข้างในจะใส่เป็นคำสอนหรือคำคมที่มอบมุมมองใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตให้กับเรามากกว่า แต่ก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนกินขนมคุกกี้ดังกล่าว ถูกรางวัลสลากกินแบ่งพร้อมกันถึง 110 คนเลยทีเดียว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2005 ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งได้มอบขนมคุกกี้ให้กับลูกค้าหลังรับประทานเสร็จ เพื่อเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แต่ในวันที่ 30 มีนาคมกลับพบว่า มีคนถูกรางวัลสลากกินแบ่งในงวดดังกล่าวเป็นจำนวนมากกว่า 110 คน
ซึ่งตัวเลขที่พวกเขาใช้ในการซื้อสลากกินแบ่ง ก็มาจากคุกกี้ที่พวกเขาได้รับจากอาหารจีนแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ก เพราะฉะนั้น จะบอกว่ามันเป็นแค่ขนมธรรมดาทั่วไป ที่ไม่สามารถให้คำทำนายอย่างแม่นยำได้ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียทีเดียวแต่อย่างใด
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com