ผู้คนกล่าวกันว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีเขี้ยวเล็บหรือความดุร้ายเทียบเท่ากับสัตว์ป่าก็ตาม ดังนั้นการปล่อยสัตว์ที่บางครั้งเราก็ไปเบียดเบียนพวกเขา จนกลายเป็นการสร้างห่วงกรรมขึ้นมา จึงเปรียบเสมือนกับการทำทานสร้างบุญกุศลเช่นเดียวกัน
การที่เราได้ช่วยเหลือให้ชีวิตสัตว์โลก ได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ นอกจากจะช่วยให้พวกเขายังคงมีชีวิตต่อไปบนโลกใบนี้แล้ว ยังทำให้เรารู้สึกสบายใจอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับการทำบุญด้วยวิธีดังกล่าว วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนไปดูกันว่า มันจะสร้างความเป็นสิริมงคลได้อย่างไร และการปล่อยสัตว์แต่ละชนิดมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดความหมายการปล่อยสัตว์แต่ละชนิด เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับเราอย่างไร
การปล่อยสัตว์นั้นเป็นการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ เพราะเราช่วยให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ บางครั้งเราอาจจะไม่ได้อยากทำบุญด้วยซ้ำไป แต่พอเห็นปลาหรือนกถูกจับขังอยู่ในถุงในกรง มันก็อดรู้สึกเจ็บปวดแทนไม่ได้ และเกิดความต้องการที่จะช่วยพวกเขาออกมาเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าเราตั้งใจที่จะทำบุญทำกุศลหรือไม่ สุดท้ายเราก็ยังคงได้รับบุญกุศลอยู่ดี และการปล่อยชีวิตสัตว์แต่ละสายพันธุ์ก็มีความหมายแตกต่างกันไปด้วยเช่นเดียวกัน อย่างเช่น
- การปล่อยปลาไหล ช่วยเสริมดวงในด้านการเงิน การเรียน และการงาน ไม่ว่าทำอะไรก็ไหลลื่นคล่องตัว
- การปล่อยเต่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ช่วยให้อายุยืนยาว
- การปล่อยตะพาบ ช่วยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุเภทภัยทั้งหลายและร่างกายแข็งแรง
- การปล่อยกบ ช่วยแก้กรรมและกำจัดสิ่งที่ไม่เป็นมงคลออกจากชีวิต
- การปล่อยหอยขม เพิ่มโชคให้ชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่ขื่นขมอีกต่อไป การปล่อยนกจะช่วยให้เรานั้นมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง
- การปล่อยปลาช่อน ช่วยให้มีเงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดมือ
- การปล่อยปลาหมอ ช่วยให้หายจากอาการเจ็บป่วยและมีสุขภาพที่ดี
- การปล่อยปลาดุก ช่วยให้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากศัตรูหรือคู่แข่ง
- การปล่อยปลาทับทิม ช่วยให้ความรักสมหวัง
- การปล่อยปลานิล ช่วยให้ชีวิตเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกประการ
โดยปกติแล้วจะแนะนำให้คนที่เข้าสู่ช่วงวัยเบญจเพสมีอายุลงท้ายเป็นเลข 5 หรือ เลข 9 ทำทานตามวันเกิดดังต่อไปนี้
- วันจันทร์ ให้ปล่อยนก
- วันอังคาร ให้ปล่อยหอยขม
- วันพุธ ให้ปล่อยปลาไหล
- วันพฤหัสบดี ให้ปล่อยเต่า
- วันศุกร์ ให้ปล่อยปลาหมอ
- วันเสาร์ ให้ปล่อยปลาไหล
- วันอาทิตย์ ให้ปล่อยปลาไหล
เวลาที่เราปล่อยสัตว์ก็ให้อธิษฐานโดยพูดขึ้นในใจว่า ข้าพเจ้า ….ชื่อ นามสกุล….. เกิดในวัน …เดือน…ปี… มีอายุ … ปี ขอทำทานด้วยการปล่อยชีวิต …สัตว์… เป็นจำนวน … ตัว ขออุทิศส่วนกุศลให้กับศัตรูคู่อาฆาตและเจ้ากรรมนายเวร ขอให้ชีวิตสัตว์ที่ปล่อยไปจงนำเอาสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ และเสนียดจัญไรออกไปจากตัว
หากรอดปลอดภัยดี แล้วก็ขอให้นำเอาความสุขและโชคลาภมาสู่ตนเอง ขอให้พระแม่คงคา พระแม่ธรณี รวมไปถึงเทพเทวาอารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง จงเป็นสักขีพยาน รับทราบบุญกุศลและเจตนาของข้าพเจ้า ช่วยคุ้มครองชีวิตของสัตว์ที่ปล่อยและข้าพเจ้าให้ปลอดภัยตราบสิ้นอายุขัย
ด้วยอำนาจของผลบุญในครั้งนี้ ขอให้ประสบกับความอยู่เย็นเป็นสุข ชีวิตพบกับความเจริญ หมดเคราะห์หมดโศกทุกประการ หรือสำหรับใครที่ไม่อยากท่องให้ยาวจะท่องบทแผ่เมตตาสั้น ๆ ว่า สัพเพสัตตา สังขารา สุขิตาโหนตุ 3 ครั้งก็ได้เช่นเดียวกัน
สิ่งสำคัญในการปล่อยสัตว์ก็คือ เราต้องพิจารณาด้วยว่าพวกเขาเป็นสายพันธุ์อะไร เพราะมีสัตว์จำนวนมากเลยทีเดียว ที่ถูกซื้อนำเอาไปปล่อยแล้วต้องจบชีวิตลง แทนที่จะได้บุญกุศลกลับกลายเป็นการสร้างกรรมแทนเสียอย่างนั้น อย่างเช่น
เต่าที่เราซื้อมาก็ต้องพิจารณาดูว่า พวกเขาเป็นเต่าบกหรือเต่าน้ำ หากเป็นเต่าบกก็ให้ปล่อยในบริเวณที่ไม่มีน้ำ หากเป็นเต่าน้ำก็ให้ปล่อยลงสระน้ำ เป็นต้น เพราะหากเราปล่อยเต่าบกลงในน้ำ พวกเขาก็จะจมน้ำตาย หากปล่อยเต่าน้ำลงบนโบก พวกเขาก็จะไม่สามารถหายใจได้เช่นเดียวกัน
การพิจารณาว่าบริเวณที่เราจะนำเอาพวกเขาไปปล่อยนั้น พวกเขาจะสามารถอยู่รอดและปลอดภัยในชีวิตได้หรือไม่ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
การปล่อยสัตว์ การทำทานที่ก้ำกึ่งระหว่างการทำทานและการสนับสนุนให้คนทำเลว
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์บริโภคเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงมีการปล่อยสัตว์หรือการขอซื้อชีวิตบรรดาสัตว์ที่กำลังจะถูกนำไปฆ่า เพื่อนำไปปล่อยให้พวกเขาได้อยู่รอดปลอดภัยตามวิถีชีวิตของตนเอง เป็นการทำทานรูปแบบหนึ่งที่เราได้ช่วยเหลือ 1 ชีวิตให้ยังคงอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้ ไม่ต้องมากลายเป็นอาหารให้กับผู้อื่น
ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีสัตว์อีกหลายชนิดเช่นเดียวกัน ที่ถูกจับมาเพื่อให้ผู้คนซื้อไปปล่อย เพื่อเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต เราจึงไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มันเป็นวิธีการทำทานที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด เพราะการทำความดีแต่กลับไปสนับสนุนวงจรการจับสัตว์ ของกลุ่มคนที่ต้องการจะหาเงิน นำมาให้เราซื้อไปปล่อย ก็ดูเหมือนจะเป็นการสร้างบ่วงกรรมเช่นเดียวกัน
ดังนั้น เราจึงอยากจะแนะนำว่า หากคุณต้องการสร้างความดีและช่วยเหลือชีวิตจริง การไถ่ชีวิตโค กระบือ หมู หรือ ไก่ เป็นสัตว์ใหญ่ที่กำลังจะถูกนำเอาไปฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ถึงแม้ว่ามันอาจจะต้องใช้ทุนทรัพย์ที่สูงกว่า
แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการเปิดบริจาครวบรวมเงิน เพื่อไปไถ่เอาพวกเขาออกมาจากโรงฆ่าสัตว์เช่นเดียวกัน เราจะได้ช่วยพวกเขาอย่างแท้จริง และพวกเขาก็จะไม่ถูกจับมาให้มีคนซื้อไปปล่อย เพราะหวังว่าจะได้บุญกุศลอีกแต่อย่างใด พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หลังจากที่รอดตายมาได้แบบหวุดหวิด และมันก็จะสร้างบุญกุศลให้กับเราครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ก่อนที่คุณจะซื้อสัตว์เล็กอย่างปลา นก มาปล่อยในครั้งต่อไป หากไม่ได้นำเอาพวกเขาไปปล่อยในบริเวณที่ไม่มีใครจะสามารถจับพวกเขาได้ เราขอแนะนำให้ลองเลือกวิธีการบริจาค เพื่อไถ่บรรดาสัตว์ที่กำลังจะถูกนำเอาไปโรงฆ่าสัตว์ ก็ดูจะได้ประโยชน์และบุญกุศลมากกว่า