พระพรหม เทพศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมกราบไหว้บูชา

by saimu
0 comment
พระพรหม

ประเทศไทยของเรานั้นมีศาสนาหลักเป็นศาสนาพุทธก็จริง แต่หากสังเกตดูให้ดีจะพบว่ามีเทพในศาสนาฮินดูอยู่หลายองค์เลยทีเดียวที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย อย่างเช่น พระพรหม ที่ก็ไม่ได้มาจากศาสนาพุทธแต่อย่างใด นั่นก็เป็นเพราะว่าในประเทศของเรานั้นเป็นศูนย์รวบรวมความศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลก เชื่อว่าก่อนหน้านี้หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเทพศักดิ์สิทธิ์องค์นี้มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองกราบไหว้บูชาดู วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพระพรหมให้มากขึ้น ก่อนไปทำการกราบไหว้ ไปติดตามกันได้เลย 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับพระพรหม เทพผู้อยู่คู่กับเมืองไทยมาอย่างยาวนาน

พระพรหม

พระพรหมนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองในประเทศไทยของเรามาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักและเทพองค์นี้ก็มาจากศาสนาฮินดูก็ตามที นั่นก็เป็นเพราะว่าผู้คนเชื่อว่าหากเรากราบไหว้และขอพรกับท่านแล้ว ก็จะช่วยให้สมหวังตามความปรารถนา 

ปัจจุบันมีสถานที่ที่มีการตั้งศาลพระพรหมขึ้นมา ให้ผู้คนได้ไปกราบไหว้และสักการบูชา ในขณะที่บางคนก็มีการตั้งศาลเอาไว้ภายในบ้านเลยก็มีเช่นเดียวกัน ในศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้นพระพรหมถือว่าเป็นมหาเทพ 1 ใน 3 ที่มีชื่อเรียกกันว่าพระตรีมูรติ ส่วนอีก 2 องค์ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวจะประกอบไปด้วยพระนารายณ์และพระอิศวร 

ทั้ง 3 องค์นั้นนับเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์หรือสรวงสวรรค์ก็ตาม พระพรหมมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม มีใบหน้า 4 หน้า มีมือตั้งแต่ 4 จนถึง 8 มือ โดยมือแต่ละข้างนั้นก็จะถือศาสตราวุธเอาไว้อย่างเช่น ดอกบัว คัมภีร์ ไม้เท้า หอก ธนู ลูกประคำ มีด จักร หรือหม้อน้ำ 

ทรงประทับอยู่บนพาหนะที่เป็นหงส์ เป็นเทพผู้มีความเมตตากรุณา มีคุณธรรม มีมุทิตาและอุเบกขา ดังนั้นหากใครที่หมั่นบูชาและกระทำความดีอยู่เสมอ ท่านก็จะรับฟังสิ่งที่คนคนนั้นขอพรและช่วยดลบันดาลให้กลายเป็นจริง

พระพรหม

ในปัจจุบันพระพรหมนั้นไม่ได้ตั้งอยู่ตามศาลที่เปิดให้ผู้คนเข้าไปกราบไหว้เพียงอย่างเดียว แต่ท่านยังถูกตั้งศาลให้อยู่ภายในรั้วในบ้านของเรา เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับที่อยู่อาศัยได้อีกด้วย ที่สำคัญคือยังมีความเชื่ออีกด้วยว่า ยิ่งผู้คนเข้ามากราบไหว้บูชามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พระองค์ท่านมีอำนาจบารมีมากขึ้นเท่านั้น 

โดยปกติแล้วสถานที่ตั้งของศาลมักจะอยู่บริเวณที่แจ้งอย่างเช่น หน้าอาคารสำนักงานหรือหน้าบ้าน บริเวณสวนหย่อมภายในหมู่บ้าน หรือสี่แยกที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอย่างเช่นบริเวณสี่แยกราชประสงค์ 

ดังนั้นหากใครต้องการจะบูชาพระพรหมเอาไว้ภายในบ้านก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่จะต้องเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอย่างเคร่งครัด มีความดีงาม ละเว้นการทำบาป เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้การอธิษฐานและการบูชาของเรา ส่งผลดีต่อทั้งตนเองและครอบครัวมากขึ้นกว่าเดิม 

ศาลพระพรหมในบ้านคืออะไรและมีวิธีกราบไหว้อย่างไรกันบ้าง 

พระพรหม

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจตั้งศาลพระพรหมภายในบ้านนั้นก็คือ ควรตั้งในบริเวณพื้นดินที่ที่มีการยกสูงขึ้นมาอย่างน้อย 1 คืบขึ้นไป หรือหากคุณไม่มีที่ดินที่เหมาะสมจะไปตั้งศาลอยู่บนชั้นดาดฟ้าก็ได้เช่นเดียวกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องระมัดระวังไม่ให้เงาของอาคารอื่นเข้ามาบดบังหรือซ้อนทับบริเวณศาลได้เช่นกัน 

บริเวณที่ตั้งนั้นจะต้องไม่อยู่ใกล้กับห้องน้ำหรือหันหน้าเข้าบริเวณที่เป็นห้องน้ำ นอกจากนี้ยังควรอยู่ห่างจากกำแพงหรือรั้วบ้านตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป ไม่ควรตั้งให้อยู่ใกล้กับอาคารเกินพอดี ความสูงควรอยู่เหนือจากระดับสายตา เทวาลัยซึ่งเป็นที่พำนักของเทพเจ้านั้นก็ต้องมีลักษณะที่เปิดออกทั้ง 4 ด้าน แตกต่างจากพระภูมิ 

หากคุณตั้งศาลได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถเสริมโชคลาภบารมีให้กับคุณได้อย่างแน่นอน และเราขอแนะนำให้เชิญพราหมณ์มาทำการดูสถานที่เพื่อชี้จุดในการตั้งศาล รวมไปถึงการดูฤกษ์ยามสำหรับการตั้งศาลด้วย ก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า ท่านจะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับเราได้เป็นอย่างดี

พระพรหม

หลังจากนั้นเราก็มาเตรียมของที่จะใช้ในการจัดตั้งศาลพระพรหม เริ่มต้นจากองค์พระพรหมซึ่งเป็นรูปหล่อจำลอง ตุ๊กตาผู้ชายและผู้หญิง ตุ๊กตาสัตว์พาหนะอย่างเช่น ม้า หรือ ช้าง แจกันดอกไม้ กระถางธูป เชิงเทียน และของที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม อย่างเช่น ธูปเทียน สายสิญจน์ ขนมและอาหารมงคลทั้งคาวหวาน บายศรี ดอกไม้สด และพวงมาลัยของดอกดาวเรือง 

เมื่อถึงวันและเวลาตามที่ฤกษ์ได้กำหนดเอาไว้ ก็ให้เราทำการเชิญพราหมณ์มาทำพิธีในการวางศิลาฤกษ์ โดยนำเอาของมงคลประกอบไปด้วย เงิน ทอง นาค ข้าวตอก ดอกไม้ พลอยนพเก้า ถั่ว งา หรือจะเป็นไม้มงคล นำเอามาไว้บริเวณฐานล่างสุดของศาล 

จากนั้นพราหมณ์ก็จะทำพิธีและอัญเชิญให้ท่านเข้าไปสิงสถิตอยู่ในศาล จากนั้นเจ้าของบ้านจะสามารถเข้ามาทำพิธีไหว้ต่อได้เลย โดยของที่ใช้ไหว้นั้นจะประกอบไปด้วย ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อย่างเช่น ดอกบัว หรือ ดอกมะลิ ธูปเทียน หรือ กำยาน ที่สามารถเลือกใช้ได้ทุกกลิ่น ผลไม้ที่ถวายก็ได้ทุกชนิด ยิ่งเป็นผลไม้มงคลยิ่งช่วยเพิ่มความสิริมงคลให้กับคุณได้เป็นอย่างดี

ส่วนอาหารต้องมีรสชาติอ่อน ๆ มีความเป็นธรรมชาติ และต้องไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ สำหรับใครที่ไม่รู้จะไหว้วันไหนดี ความจริงแล้วเราสามารถไหว้ได้ตามฤกษ์สะดวกของเราก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ในอดีตผู้คนจะไม่ค่อยนิยมไหว้กันในวันพระสักเท่าไหร่ เนื่องจากดวงวิญญาณของท่านจะเสด็จขึ้นไปปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ทำพิธีหรือขอพรไปก็จะไปไม่ถึงหูของพระองค์อยู่ดี 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment