ศาสนาพุทธนั้นมีมาอย่างยาวนานร่วม 2566 ปี ทำให้ประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธนั้นมีหลากหลายเรื่องราว หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องราวของ พระแม่ธรณี เทพีผู้ทำหน้าที่คุ้มครองแผ่นดิน พระองค์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการบีบมวยผมเพื่อขับไล่พญามาร ที่จะเข้ามาขัดขวางการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทพองค์นี้ให้มากขึ้น ท่านเป็นใคร มาจากไหน และจะน่าสนใจอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ประวัติพระแม่ธรณี เทพีผู้อยู่คู่กับศาสนาพุทธ
พระแม่ธรณี นั้นเป็นเทพีที่ทำหน้าที่ในการปกปักรักษาแผ่นดิน ทั้งในพุทธศาสนารวมไปถึงศาสนาฮินดูเองก็ตาม มีการสันนิษฐานว่าพระองค์นั้นมาจากแนวคิดเกี่ยวกับเทพเจ้าและพระแม่แห่งแผ่นดินอย่างพระแม่ปฤถวีจากศาสนาฮินดูตั้งแต่ในยุคพระเวท หลังจากนั้นแนวคิดก็มีการวิวัฒนาการต่อมาเป็นพระภูเทวี ซึ่งเป็นพระชายาของพระวิษณุ
ในช่วงเวลานี้จะมีการขนานนามเรียกขานกันในหลายชื่อ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ พระพสุธา นั่นเอง ในศาสนาพุทธก็มีการกล่าวถึงพระนามดังกล่าวบ่อยครั้งเช่นเดียวกัน ตามประวัติพระโคตมพุทธเจ้าตอนที่ทรงชนะมารหรือตอนที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม ได้ปรากฏอยู่ในความเชื่อของพุทธศาสนิกชนในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เว้นแม้กระทั่งในประเทศไทยของเราเองก็ตาม
ในพระไตรปิฎกนั้นไม่ได้มีการพูดถึงพระแม่ธรณีในช่วงปราบมารแต่อย่างใด แต่หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการพูดถึงพระแม่ธรณีนั้นคือ คัมภีร์ของนิกายมหายานอย่างลลิตวิสตระ ซึ่งถูกแต่งขึ้นมาในภายหลังช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 โดยกล่าวว่า พระแม่นั้นได้เดินทางมาแสดงความยินดีร่วมกับเทวดาองค์อื่น หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้และกลายเป็นพระพุทธเจ้าเรียบร้อยแล้ว
มีหลักฐานปรากฏในศิลปะอินเดียในยุคสมัยของราชวงศ์คุปตะ เป็นรูปสตรีนั่งอยู่ในฉากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในฐานะของเทพแห่งพื้นดิน สำหรับตำนานพระแม่ธรณีบีบมวยผมนั้น มีอยู่อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ หรือลาวเองก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีหลักฐานที่ปรากฏอย่างแน่ชัดแต่อย่างใด ว่าคติการบีบมวยผมของพระแม่นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีการสันนิษฐานว่าเริ่มต้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา สำหรับในประเทศไทยของเรานั้น ปรากฏหลักฐานเป็นงานประติมากรรมรวมไปถึงจิตรกรรมฝาผนังภายในวัดวาอาราม และยังมีโครงของศรีปราชญ์ที่เหลือเอาไว้โดยกล่าวว่า “ธรณีนี่นี้เป็นพยาน” ก่อนที่ท่านจะถูกประหารในภายหลัง
จนถึงตอนนี้ความเป็นมาของพระแม่ธรณีก็ยังคงเป็นปริศนา แต่ผู้คนก็เชื่อกันว่าพระแม่นั้นทำหน้าที่ในการเลี้ยงดูเหมือนกับแม่เลี้ยงดูลูก สามารถรับรู้ได้ถึงการทำบุญกุศลด้วยการใช้มวยผมของตนเองรับน้ำที่ได้มาจากการกรวดน้ำของพุทธศาสนิกชน
ครั้งที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้แต่มีพญามารมารบกวน อ้างจะเอาบัลลังก์เป็นของตนเอง พระพุทธเจ้ายังเปล่งวาจาว่าธรณีเป็นพยาน พระแม่จึงออกมาแสดงปาฏิหาริย์เพื่อปราบพญามารทั้งหลาย ด้วยการบีบมวยผมให้น้ำที่ได้รับมาจากการกรวดน้ำโดยพระพุทธเจ้าในทุกภพทุกชาติไหลออกมาจนท่วมท้น
ทำให้พญามารไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าได้อีกต่อไป และพระพุทธองค์ก็สามารถตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนจึงเชื่อว่า ไม่ว่าทำอะไรก็ตามก็ต้องบูชาเพื่อบอกกล่าวกับพระแม่ก่อน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ถือกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินทั้งสิ้น
ดังนั้นก่อนจะทำอะไรจึงต้องขอขมา เนื่องจากจะก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนแผ่นดิน ตั้งแต่การตอกเสาเข็มหรือการขึ้นเสาเอกก็ตาม รวมไปถึงการเพาะปลูกทำการเกษตรก็ต้องบอกกล่าวพระแม่ก่อน เพื่อขอพรให้พืชผลงอกงามและประสบความสำเร็จในอาชีพของตนเอง
กราบไหว้บูชาพระแม่ธรณีอย่างไรให้ได้ผลดี
จากที่เราว่ามาทั้งหมดมันจึงไม่น่าแปลกใจ หากในยุคปัจจุบันยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่นับถือ พระแม่ธรณี ไม่ใช่แค่การบอกกล่าวหรือขอขมาก่อนจะทำอะไรก็ตาม แต่เป็นการเคารพบูชาเปรียบเสมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ
สำหรับใครที่อยากจะบูชาพระแม่ให้กล่าวคาถาบูชาโดยตั้งบทนะโม 3 จบ หลังจากนั้นให้สวดบทอิติปิโส ภะคะวาอีก 3 จบ ตามด้วย ตัสสาเกษีสะโต ยะกาคงคา โสตังปะวัตตันติมาระเสนา ปฏิฐาตุงอาสักโกนโต ปะลายิงสุ ปาริมานานุภาเวนะ มาระ เสนาปะราชิตาทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต หากไม่มีเวลาจะท่อง 3 จบก็ได้ หรือหากมีเวลาก็ให้ท่อง 21 จบเนื่องจากกำลังของพระแม่คือเลข 21 นั่นเอง
เครื่องบูชานั้นก็จะประกอบไปด้วยผลไม้ 5 อย่าง โดยจะต้องมีกล้วยน้ำว้าและมะพร้าวอ่อนด้วย นอกจากนี้ ของไหว้ยังต้องมี น้ำเปล่า สาคูน้ำแดง น้ำนม บุหรี่ หมากพลู ข้าวตอก ข้าว ขนมหวาน 7 ชนิด ไข่ต้ม ผ้าแพรพรรณขั้นต่ำ 3 สี ดอกไม้สีส้มหรือสีเหลือง
เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณโชคดีและไม่ว่าจะลงมือทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จสมความปรารถนา ไม่เพียงเท่านั้นคาถาดังกล่าวยังสามารถใช้ในการทำน้ำมนต์แก้เสนียดจัญไรได้อีกด้วย ให้เขียนชื่อศัตรูโดยนำพระแม่ทับไว้และอธิษฐานให้อภัยต่อกัน สวดมนต์ให้เขาทั้งหมด 7 วัน ศัตรูก็จะไม่จองเวรอีกต่อไปหรือไม่ก็แพ้ภัยตนเองไปก่อน