กบกินเดือน จากปรากฏการณ์ธรรมชาติสู่วัตถุมงคลให้ผู้คนได้บูชา 

by saimu
0 comment
กบกินเดือน

ปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของผู้คนมาแต่ไหนแต่ไร อย่างเช่นในแถบล้านนาจะเรียกปรากฏการณ์จันทรุปราคาว่า กบกินเดือน แต่ความจริงแล้วคำดังกล่าวไม่ได้มีเอาไว้ใช้เรียกปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังสามารถพัฒนากลายเป็นวัตถุมงคลที่ผู้คนสามารถบูชาเพื่อช่วยให้ตัวเองโชคดีและร่ำรวยเงินทองได้อีกด้วย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวัตถุมงคลชนิดนี้ให้มากขึ้นกันว่ามันคืออะไรและจะช่วยอะไรเราได้บ้าง 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับกบกินเดือนในฐานะวัตถุมงคลจากสุดยอดวิชา 

กบกินเดือน

กบกินเดือนในแถบภาคเหนือนั้นเป็นชื่อเรียกปรากฏการณ์จันทรุปราคา แต่ในขณะเดียวกันเองมันก็เป็นเครื่องรางที่ถูกสร้างมาจากสุดยอดวิชาของพระเกจิอาจารย์ที่มีการสืบทอดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย ว่ากันว่าในอดีตพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเรียนวิชาดังกล่าวมาจากไทยใหญ่เลยทีเดียว 

ดังนั้นมันจึงเป็นวิชาลับเฉพาะที่ที่ไม่สามารถหาศึกษาได้โดยทั่วไป รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้นคือรุ่นพิเศษของครูบาออ ที่ครั้งหนึ่งเคยนำเอาผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมา ผสมเข้ากับผงวิเศษซึ่งประกอบไปด้วยว่านยาสักไก่แดงที่นิยมใช้สัก “สะดุ้ง-เสน่ห์สะเด็ด” 

และทำพิธีปลุกเสกยาวนานข้ามเดือนข้ามปีกันเลยทีเดียว จากนั้นก็นำเอาวัตถุมงคลที่ได้มาแช่ในน้ำมันงากำจาย น้ำมันว่านยาไก่แดง และน้ำมันประคำหลวงปู่ทิม จนได้เป็นรุ่นพิเศษขึ้นมา ทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม 

กบกินเดือน

ด้วยเหตุนี้กบกินเดือนจึงกลายมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความนิยมในการบูชาไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือหรือไทยใหญ่ โดยเชื่อว่าหากพกพาติดตัวเอาไว้ก็จะช่วยเสริมดวงในด้านความร่ำรวยให้เรามีกินมีใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ใครทำมาค้าขายก็จะช่วยให้กิจการเจริญรุ่งเรือง สามารถอุ้มดวงชะตาและเสริมโชคลาภให้คุณนั้นพบเจอแต่สิ่งดี ๆ 

ที่สำคัญยังสามารถช่วยแก่ปัญหาทุกข์ร้อน ให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้ด้วยดี ตัวกบนั้นสามารถลงอักขระยันต์เพื่อช่วยเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรืองได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะอ้าปากกว้างกลืนกินพระจันทร์โดยใช้ 2 ขาหน้าช่วยประคอง 2 ขาหลังปิดทวารเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายถึง การกินโชคลาภ เงินทองเข้าไปและไม่ถ่ายเทออกมา  

เปิดตำนานกบกินเดือนและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจันทรุปราคา 

กบกินเดือน

มีตำนานกล่าวขานถึงกบกินเดือนในฐานะของปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่ของขลังเอาไว้ว่า ในอดีตมีครอบครัวหนึ่งที่ฐานะยากจน ครอบครัวดังกล่าวมีลูกชาย 2 คน ประกอบไปด้วยพี่ที่ชื่อว่าสุริยคราสและน้องที่ชื่อจันทรคราส 

วันหนึ่งพ่อแม่เดินเข้าป่าไปหาอาหาร ในช่วงเวลานั้นสองพี่น้องก็กินอาหารในบ้านจนหมดโดยที่ไม่ได้แบ่งให้พ่อกับแม่เอาไว้ เมื่อพ่อรู้เข้าก็โกรธและไล่ลูกชายทั้งสองออกจากบ้าน ทั้งคู่จึงตัดสินใจหนีเข้าไปในป่าลึก ระหว่างทางสองพี่น้องได้พบเข้ากับเทวดาซึ่งเป็นเทพพระจันทร์และเทพพระอาทิตย์ 

เทพทั้ง 2 เห็นว่าทั้งคู่เป็นคนดีจึงได้ช่วยเหลือด้วยการปลอมตัวเป็นพังพอนและงูเห่าต่อสู้กัน หลังจากที่ฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กัดเปลือกไม้มาพ่นใส่ร่างที่เสียชีวิตไปจนได้ชีวิตกลับคืนมา สองพี่น้องจึงรีบเก็บเอาสมุนไพรและออกเดินทางต่อไป 

ระหว่างทางได้พบเข้ากับอีกากำลังกินลูกไทรแล้วพลัดตกลงมาตาย ทั้งคู่จึงนำเอายาสมุนไพรเป่าจนอีกาฟื้นชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง อีกาสำนึกในบุญคุณจึงขอเป็นทาสรับใช้ทั้งคู่ หลังจากเดินทางไปเรื่อย ๆ ทั้งสองพี่น้องก็ได้ช่วยชีวิตสัตว์มากมายและได้สัตว์เหล่านี้มาเป็นทาสรับใช้ไม่ว่าจะเป็นช้าง ตะกวด ไก่ กบ หรือปลาดุก 

ต่อมาสองพี่น้องก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของเศรษฐี ทั้งคู่จึงนำเอาทองกลับไปให้พ่อและแม่ เมื่อกลับมาก็พบว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้มาเอายาสมุนไพรคืน ภรรยาที่ถูกสามีสั่งห้ามก็ถูกดลใจให้นำเอาสมุนไพรคืน สองพี่น้องจึงพยายามตามกลับคืนแต่จนถึงปัจจุบันกบก็ยังไม่ได้รับสมุนไพรวิเศษคืนแต่อย่างใด จึงพยายามไปต่อสู้กับพระจันทร์และพระอาทิตย์มาจนถึงทุกวันนี้

กบกินเดือน

  สำหรับในทางวิทยาศาสตร์แล้วมันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ดวงจันทร์อ้อมผ่านหลังโลกของเราเข้าสู่เงามืดโดยตรง โดยจะสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะเวลาที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เรียงกันในระนาบเดียวกันแบบพอดีหรือมีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก 

โลกอยู่ตรงกลางดังนั้นเราจึงเห็นพระจันทร์ค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปในความมืด ในอดีตที่ผู้คนยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ มันจึงเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทำให้ในแต่ละพื้นที่มีตำนานเล่าขานถึงความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป 

ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์กบกินเดือนหรือปรากฏการณ์ราหูอมจันทร์ ที่เล่าขานว่าในยามที่เทพและอสูรช่วยกันกวนน้ำอมฤต อสูรอย่างพระราหูก็ได้แอบดื่มน้ำอมฤตเข้าไปจนกลายเป็นอมตะ แต่พระจันทร์และพระอาทิตย์เห็นเข้าจึงได้เอาเรื่องไปแจ้งให้กับพระนารายณ์ 

พระนารายณ์ใช้บั่นร่างกายของราหูจนเหลือเพียงแค่ครึ่งท่อนแต่ไม่ตาย ด้วยความโกรธแค้นราหูจึงไล่กินพระจันทร์และพระอาทิตย์มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นเอง 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment