เคยสังเกตหรือไม่ว่าในแต่ละปีนั้นก็จะมีทั้งปีที่ดีและปีที่แย่ปะปนกันไป แต่ในประเทศไทยนั้นผู้คนเชื่อกันว่าเมื่อก้าวเข้าสู่อายุ 25 ปีเมื่อนั้นคือ เบญจเพส ที่ชีวิตจะขึ้นสุดลงสุด จนต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ บางคนมันก็เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวดี ๆ ขึ้นมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ เพราะเหตุใดช่วงอายุ 25 ปี จึงมีความขลังและช่วงเวลานี้มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับเบญจเพส ช่วงเวลาสุดเหวี่ยงของชีวิต
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเบญจเพสมาก่อน เพราะมันเป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย เมื่อมีอายุครบ 25 ปีหรือบ้างก็ว่าก่อนอายุก่อนหน้าหรืออายุหลังจาก 25 ปีไปอีก 2 ปี ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่คุณนั้นจะได้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลง
มันจะทำให้ชีวิตของเรานั้นแตกต่างไปจากเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว เมื่อเริ่มย่างเข้าสู่ช่วงอายุ 23 ปี หลายคนจึงเริ่มเกิดความรู้สึกกังวลแถมมันยังลากยาวไปจนถึงอายุ 27 ปีอีกต่างหาก คำดังกล่าวนั้นมีที่มาจากคำว่า เบญจ ที่หมายถึงเลข 5 และ เพส ที่มีความหมายถึงเลข 20
ดังนั้นแปลตรงตัวจึงออกมาเป็น 25 นั่นเอง เป็นช่วงเวลาที่หลายคนนั้นต้องเผชิญกับความเลวร้ายหรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน ยิ่งหากดวงตกอาจทำให้ต้องพบเจอกับเคราะห์กรรมหนัก ไม่ว่าจะเป็นเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ได้รับอุบัติเหตุ บางคนตกงาน เผชิญกับหนี้สินรุงรัง บ้างก็สูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือคนในครอบครัวก็ตามที
แต่ในความเป็นจริงแล้วช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ได้มีแค่ตอนอายุ 25 ปีแต่อย่างใด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ถึง 5 ครั้งในชีวิตของเราเลยตามหลักโหราศาสตร์ เริ่มต้นจากอายุ 12 ปีไปจนถึง 13 ปี, อายุ 24 ถึง 26 ปี, อายุ 36 ถึง 37 ปี, อายุ 48 ถึง 49 ปี, และอายุ 60 ถึง 61 ปี
ในช่วงเวลาเหล่านี้ ตามปกติหากไม่เอาเรื่องดวงชะตาเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตเราจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง อย่างเช่น อายุ 12 ปี ก็จะเปลี่ยนผ่านจากเด็กประถมสู่นักเรียนชั้นมัธยม หากในช่วงนี้ออกนอกลู่นอกทางก็จะทำให้กู่ไม่กลับ
อายุ 24 ปี ก็เป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของการทำงาน ต้องเจอกับปัญหาหนักหนามากมาย ยิ่งใครดวงตกยิ่งลำบากขึ้นไปอีก อายุ 36 ปี ก็เป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มตั้งตัวได้ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการทำงานหรือคนในครอบครัว
เช่นเดียวกับช่วงอายุ 48 ปี ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับอุบัติเหตุให้ดี และสุดท้ายช่วงอายุ 60 ปี เป็นช่วงเวลาที่เราต้องโบกมือลาวัยทำงานและก้าวเข้าสู่วัยเกษียณแบบเต็มตัว นอกจากนี้เรายังสามารถระมัดระวังช่วงเบญจเพสตามวันเกิดได้อีกด้วย
- วันจันทร์ เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับความรักไม่ว่าจะคนมีคู่หรือคนโสดก็ตาม
- วันอังคาร มักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยหรือแม้แต่การเกิดอุบัติเหตุก็ตาม
- วันพุธ ช่วงครึ่งปีแรกจะต้องเผชิญหน้ากับความเหน็ดเหนื่อยหรือแม้แต่ความผิดพลาดในการทำงานอยู่เป็นประจำ
- วันพฤหัสบดี ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับอุบัติเหตุให้ดี เพราะมีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุสูงตั้งแต่แบบเล็กน้อยไปจนถึงอุบัติเหตุใหญ่
- วันศุกร์ ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับคดีความ อาจมีโอกาสได้ขึ้นโรงขึ้นศาล นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องการเงินอีกด้วย
- วันเสาร์ ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวโดยเฉพาะคนโสด อาจมีคนเข้ามาทำให้คุณต้องกลายเป็นมือที่สามโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
- วันอาทิตย์ ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับชื่อเสียงให้ดีเพราะอาจเกิดคดีความหรือถูกใส่ร้ายป้ายสีได้ มีทั้งเรื่องเสียทรัพย์แถมยังสุขภาพไม่ดีอีกด้วย แต่เมื่อผ่านครึ่งปีหลังไปได้เหตุการณ์ก็จะคลี่คลายและเบาลง
แก้ดวงอย่างไรให้ดวงดีเมื่อวัยเบญจเพสมาถึง
วัยเบญจเพสนั้นเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากให้มาถึง โดยเฉพาะคนไทยที่เชื่อว่า การมาถึงของช่วงอายุเหล่านี้มักจะเกิดเรื่องแย่ ๆ ตามมาอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นมีผูกก็มีแก้เช่นเดียวกัน สำหรับใครที่เข้าสู่ช่วงวัยเหล่านี้ก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการทำบุญและสะเดาะเคราะห์เพื่อเป็นการเสริมดวง เปลี่ยนร้ายให้กลายมาเป็นดี
ไปไหว้พระพรหมที่จะช่วยให้เรานั้นประสบความสำเร็จในเรื่องการงาน บริจาคเลือดเป็นประจำจะช่วยในเรื่องของการเกิดอุบัติเหตุและสุขภาพให้เราปลอดภัย บริจาคโลงศพก็จะช่วยเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี บริจาคเงินหรือข้าวของให้กับมูลนิธิด้านสุขภาพรวมไปถึงโรงพยาบาล นั่งสมาธิ สวดมนต์อยู่เป็นประจำเพื่อให้เรานั้นมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ไม่เพียงเท่านั้นเรายังสามารถแก้ดวงตามวันเกิดได้อีกด้วย
- วันจันทร์ เมื่อคุณก้าวเข้าสู่วัยเบญจเพสให้รีบไปทำบุญไหว้พระใหญ่อย่างเช่น พระนอนวัดโพธิ์ สร้างบุญกุศลด้วยการบริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลหรือพระอุโบสถ
- วันอังคาร ให้แก้กรรมด้วยการไปกราบหลวงพ่อหรือหลวงปู่ที่เราเคารพบูชา ฟังเทศน์ฟังธรรม ไปบอกบุญผู้อื่น จะช่วยเสริมดวงในด้านการเงินได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
- วันพุธกลางวัน ให้ไปไหว้ท้าวเวสสุวรรณและทำบุญถวายเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงหลอดไฟให้กับโรงเรียนหรือวัดก็ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถบริจาคเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลได้อีกด้วย
- วันพุธกลางคืน ให้บูชากราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมหรือเทพที่เป็นผู้หญิงจะสามารถช่วยในเรื่องการทำงานได้เป็นอย่างดี
- วันพฤหัสบดี ให้ทำบุญในวัดที่เป็นพระอารามหลวง โดยให้อธิษฐานขอให้ชีวิตประสบความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จ
- วันเสาร์ ให้ไหว้พระแม่ลักษมีและอธิษฐานขอโชคลาภเงินทอง บริจาคเสื้อผ้าเพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลเสริมชะตา
- วันอาทิตย์ ให้ทำบุญไหว้พระวัดใกล้บ้าน ทำบุญบริจาคของหรือทรัพย์สินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ กราบไหว้พระพุทธชินราชก็จะช่วยให้คุณนั้นสามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com