ยันต์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยของเรามาอย่างยาวนานนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยยันต์แต่ละแบบนั้นก็จะมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น ยันต์แปดทิศ ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ มีความโดดเด่นในการป้องกันภัยอันตรายมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันนั่นก็ยังช่วยเสริมในด้านอื่นได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ค่อยมีคนรู้จักก็หากไม่ได้อยู่ในแวดวงมูเตลู สำหรับใครที่สนใจ สายมู.com จะพาทุกคนไปดูกันว่ายันต์ดังกล่าวคืออะไรและจะช่วยคุณอย่างไรได้บ้าง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับยันต์แปดทิศ ยันต์ที่ได้รับความนิยมทั้งการสักและการใช้ผ้ายันต์ตกแต่งบ้าน
ยันต์แปดทิศ นับว่าเป็นยันต์อีกรูปแบบหนึ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยเรามาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในอดีตชายไทยนิยมสักเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่ามีพุทธคุณคุ้มครองป้องกันภัยจากอันตรายได้ เวลาไปรบทัพจับศึกก็จะทำให้ตีรันฟันแทงไม่เข้า ช่วยเพิ่มความฮึกเหิมได้เป็นอย่างดี
ยิ่งหากเป็นยันต์ที่ผ่านการยกครูขึ้นครูมาแล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มความขลังได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ไม่เพียงเท่านั้นบางคนก็ยังนำผ้ายันต์มาไว้ในบ้าน เพราะนอกจากจะป้องกันภัยอันตรายได้แล้ว ยังเชื่อว่าสามารถช่วยเสริมดวง เพิ่มโชคลาภ ทำให้ทำมาค้าขายร่ำรวย ช่วยแก้อาถรรพ์ ช่วยเพิ่มเมตตามหานิยม ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรักใคร่เอ็นดูพร้อมหยิบยื่นความช่วยเหลือให้
ในอดีตเวลาใครจะเดินทางเข้าป่าหรือพระจะออกธุดงค์ ก็มักจะเขียนยันต์ดังกล่าวเอาไว้กับพื้นอยู่เสมอ เพราะสามารถป้องกันได้ทั้งภูตผีปีศาจและสัตว์ร้าย ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย มันจึงเป็นเครื่องรางของขลังที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มในเรื่องของอำนาจบารมีได้อีกด้วย
นอกจากยันต์แปดทิศจะได้รับความนิยมในการสักบนร่างกายแล้ว ยังมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับหลักฮวงจุ้ยซึ่งเป็นศาสตร์การแต่งบ้านจากประเทศจีนอีกด้วย เราต้องย้อนกลับไปในยุคสมัยฝูฉี ผู้เป็นนักปราชญ์โบราณของประเทศจีนที่คิดค้นตัวอักษรและทำเป็นสัญลักษณ์ตัวขีด โดย 1 ขีดจะแทนหยางและ 2 ขีดจะแทนหยิน
ด้วยหลักการที่ว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มี 2 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความมืดหรือความสว่าง สีขาวหรือสีดำ มีความร้อนก็ต้องมีความเย็น มีแข็งก็ต้องมีอ่อน เมื่อเรานำเอาเส้นทั้งสองเส้นมาเรียงต่อกันเป็น 3 ชั้น ก็จะเป็นการกำหนดความหมายดี ๆ ของสิ่งรอบตัว
ในภายหลังยันต์ดังกล่าวจึงมีความสำคัญในประเทศจีน เนื่องจากเชื่อว่าสามารถใช้ในการปรับพลังธาตุได้ เพราะบนโลกใบนี้ธาตุเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความสมดุลขึ้นมา โดยในภาษาจีนจะเรียกว่า ยันต์โป๊ยข่วย ผู้คนนิยมนำเอามาติดตามบ้านเรือน
แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถติดไปเรื่อยได้ เพราะชินแสที่มีความรู้เคยออกมากล่าวว่า มีหลายคนไม่รู้และไม่เข้าใจจึงนำเอายันต์ดังกล่าวมาติดเอาไว้เพื่อเป็นการแก้เคล็ด และหวังว่ายันต์จะช่วยให้มีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายอะไรเข้ามากล้ำกราย
ถึงแม้ว่ายันต์แปดทิศดังกล่าวจะมีความสามารถในการป้องกันภูตผีปีศาจหรือสลายพลังชั่วร้ายได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็สามารถดูดซับสิ่งไม่ดีและทำให้โชคลาภหายไปในพริบตาได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนจะใช้จึงต้องระมัดระวังและปรึกษาชินแสที่มีความรู้ความชำนาญเสียก่อน
สำหรับยันต์แปดทิศในประเทศจีนนั้น ลักษณะจะแตกต่างกับยันต์ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ยันต์ในประเทศไทยจะเป็นอักขระที่อ่านยากและดูมีความขลังเหมือนกับยันต์โบราณทั่วไป แต่หากเป็นของจีนมันคือสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไปนั่นก็คือ กระจกแปดเหลี่ยม นั่นเอง
ซึ่งผู้คนจะนิยมติดเอาไว้ที่หน้าบ้านโดยเฉพาะบ้านที่อยู่บนทาง 3 แพร่ง หรือ 4 แพร่ง เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถสลายพลังงานชั่วร้ายและช่วยป้องกันภัยให้ผู้คนที่อยู่อาศัยภายในบ้านปลอดภัยได้นั่นเอง ดังนั้น ยันต์แปดทิศจึงไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่บ้านของคุณเองก็อาจจะมีกระจกแปดเหลี่ยมดังกล่าวแขวนเอาไว้อยู่เช่นเดียวกัน
รวมข้อห้ามที่คุณไม่ควรทำเมื่อบูชายันต์แปดทิศ
ยันต์แปดทิศ นับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนต่างเชื่อถือและเคารพบูชากันมาอย่างยาวนาน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากมันจะมีข้อห้ามในการบูชามากมาย ซึ่งหากเราทำตามก็จะช่วยให้ของไม่เสื่อมแถมยังช่วยเพิ่มความขลังได้มากขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย
ดังนั้นสำหรับใครที่บูชายันต์แปดทิศจึงมีความเชื่อว่า ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน ห้ามถ่มน้ำลายลงในชักโครก ห้ามสูดกลิ่นหรือกินของที่ได้รับจากงานศพ ห้ามไม่ให้ใครมาลูบหรือจับหัว ห้ามลอดราวตากผ้า ห้ามกินมะเฟืองที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะของเพศหญิง ห้ามกินอาหารเหลือ
ห้ามกินฟักเขียวเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับหน้า และห้ามกินผักปังเนื่องจากเป็นผักที่ลื่น เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้คาถาอาคมลื่นไหลจนหมดความขลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่สักยิ่งไม่ควรทำสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นมันก็จะเป็นลายสักธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความขลังใด ๆ เลยนั่นเอง