ไม่ว่าใครก็อยากได้รักจากคนที่เรารักกันทั้งนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าโอกาสที่คนคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จในความรักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงหันไปพึ่ง น้ำมันพราย ที่ปัจจุบันมีวางขายอยู่ทั่วไปในโลกอินเทอร์เน็ต สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดายแตกต่างจากในสมัยก่อน ที่แทบจะเป็นของผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าหากเป็นของจริงมันมีวิธีการทำที่น่าสยดสยองมากแค่ไหน นอกจากนี้มันยังมีอาถรรพ์สุดขลังที่คุณอาจนึกไม่ถึงอีกด้วย วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการทำเสน่ห์ด้วยวิธีนี้กัน ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักน้ำกับมันพรายและสูตรการทำ ที่ปรากฏในหลักฐานบันทึกประวัติศาสตร์
น้ำมันพราย นั้นจัดว่าเป็นของขลังสำหรับหลายๆ คนก็ว่าได้ เนื่องจากมันเป็นเครื่องมือทางไสยศาสตร์ที่สามารถช่วยให้คนที่เราหลงรักหรือปรารถนา หันมาสนอกสนใจเราเพียงผู้เดียวเท่านั้น มันเปรียบเสมือนกับเครื่องมือที่ช่วยให้เราสมปรารถนาในด้านความรัก เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสักเท่าไหร่ นั่นก็เป็นเพราะว่ามันคือของสายล่างที่มีความเข้มข้นและน่ากลัวมากที่สุดอีก 1 ชนิดเลยทีเดียว
ฤทธิ์ของมันนั้นจะส่งผลในทางชั่วร้าย หากเรานำเอาน้ำมันพรายไปสัมผัสเนื้อตัวของใคร คนผู้นั้นก็จะเกิดความรู้สึกรักใคร่ลุ่มหลงอย่างไม่มีสติ มีอาการเพ้อไม่ต่างอะไรจากคนบ้า ทำให้ต้องซมซานไปหาผู้เป็นเจ้าของน้ำมันไม่ว่าจะในตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม หากอาการหนักก็อาจจะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หรือคุ้มดีคุ้มร้ายไปตลอดทั้งชีวิตก็ได้เช่นเดียวกัน
มีข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันพรายที่ถูกจดบันทึกโดยฟรานซิส เฮนรี ไจลส์ เจ้าหน้าที่จากอังกฤษที่เข้ามาทำงานให้กับรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า และประเทศไทยได้ยืมตัวเขามาช่วยงานคลัง ด้วยเหตุนี้จึงได้รับราชการในราชสำนักของประเทศไทยมาโดยตลอด และยังเป็นอธิบดีกรมสรรพากรคนแรกอีกด้วย
โดยท่านได้จดบันทึกตามคำกล่าวของคนท้องถิ่นเกี่ยวกับการทำน้ำมันพราย ตั้งแต่ก่อนลงมือทำไปจนถึงสูตรการทำ การเก็บดูแลรักษา และวิธีการใช้ โดยก่อนลงมือทำนั้นจะต้องเตรียมวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ศพของหญิงตายทั้งกลมที่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ ๆ ด้วยการตายโหงที่ไม่ปกติตามธรรมชาติ
สำหรับสูตรการทำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การนำเอาสายสิญจน์ไปวนอยู่รอบหลุมฝังศพ หลังจากนั้นนำเอาผ้า 8 ผืน แขวนเอาไว้ประจำบนทิศทั้ง 8 หมอผีจะเข้าฌานเพื่อเรียกวิญญาณผู้ตายปลุกให้ลุกขึ้นมาจากหลุม
นอกจากนี้ยังต้องมีการสวดคาถาและซัดข้าวสารเสกอีกด้วย หากวิญญาณมีขนาดตัวที่ใหญ่หรือไม่ยอมหมอผี หลังจากนั้นผีก็จะยอมนั่งก้มหัวอยู่ตรงหน้าและยกมือขึ้นโอบกอดหมอผีเอาไว้ ในช่วงเวลาดังกล่าวหมอผีจะทำการจุดเทียนลนบริเวณหน้าผากเพื่อนำเอาน้ำมันมาจากสมอง
หากบริเวณนี้น้ำมันออกมาไม่เพียงพอก็ถึงจะมาลนบริเวณใต้คาง เพื่อให้ได้น้ำมันตามความต้องการ จากนั้นนำเอาเทียนไปลนบริเวณข้อศอกเพื่อให้ร่างคลายอ้อมกอดออกแล้วหายไป จึงจะได้มาซึ่งน้ำมันพรายนั่นเอง
สำหรับวิธีการเก็บรักษาน้ำมันที่ได้มานั้น เพียงแค่นำเอาใส่ขวดแล้วปิดผนึกด้วยผ้ายันต์ให้แน่น จากนั้นนำเอาขวดใส่ลงไปในหม้อดินที่ปั้นขึ้นมาใหม่ แล้วปิดทับด้วยผ้ายันต์อีกครั้งหนึ่ง นำเอาไปตั้งวางไว้ในบริเวณที่สูงเหนือศีรษะแล้วให้อาหารสังเวยเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง
เนื่องจากในน้ำมันพรายนั้นมีวิญญาณอยู่และวิญญาณก็สามารถอยู่ได้เหมือนกับมนุษย์ หากปล่อยให้หิวก็จะไปสิงเข้าสู่ร่างคนที่ครอบครองและกินอวัยวะภายในจนคนผู้นั้นถึงแก่ชีวิต ส่วนวิธีการใช้นั้นนอกจากจะใช้เพื่อให้เกิดความหลงใหลได้ปลื้มแล้ว ยังสามารถใช้ทำร้ายศัตรูได้อีกด้วย
วิธีการก็ทำได้ตั้งแต่การทาตัว การดีดใส่ การผสมในน้ำหรืออาหารแล้วแต่ความสะดวก ผลข้างเคียงในการใช้ทำลายศัตรูนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บและถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะใช้ไปเพื่อจุดประสงค์ให้เกิดความรักก็ตามที
เปิดวิธีการแก้เมื่อโดนน้ำมันพราย ต้องทำอย่างไรเพื่อให้หลุดจากของ
หากคุณโดนน้ำมันพรายสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือมักจะมีอาการเหม่อลอย ไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ใต้ตาคล้ำเหมือนกับไม่ได้นอน บางครั้งก็ดูแข็งกร้าว บางครั้งก็ดูไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่เป็นตัวของตัวเอง มีอาการประสาทหลอน หลงใหลได้ปลื้มหรือหลงเชื่อคนบางคนผิดวิสัย จากที่ไม่เคยสนใจมาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
น้ำมันนี้จัดว่าเป็นคุณไสยระดับกลางที่อยู่ในสายควบคุม ประเภทเดียวกับการทำตุ๊กตาวูดูหรือการทำเสน่ห์ยาแฝด สำหรับวิธีการแก้ง่าย ๆ ด้วยตนเองในกรณีที่ยังพอสามารถรับรู้ตัวได้ก็คือ ให้หมั่นทำบุญนั่งสมาธิสวดมนต์อยู่เป็นประจำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับตนเอง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และเทวดาประจำตัวที่ทำหน้าที่ดูแลปกป้องเรา
ยิ่งเป็นคาถาชินบัญชรหรือบทพุทธคุณยิ่งช่วยให้ปลอดภัยจากอันตรายและมนต์ดำทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ให้ไหว้พระถวายสังฆทานแล้วนำเอาน้ำมนต์กลับมาที่บ้านด้วยเพื่อใช้อาบน้ำและดื่มกิน ก่อนที่จะใช้น้ำมนต์ให้เราอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องดูแลรักษาเรา ให้ถือศีล 5 หรือศีล 8 และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
ให้นำเอาก้านมะยม กิ่งทับทิม ใบเต่าร้าง และชะเอมเทศแช่น้ำมนต์แล้วประพรมบริเวณที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการชะล้างให้สิ่งไม่ดีออกไป โดยเฉพาะหากได้น้ำมนต์มาจากวัดอินทร์ วัดชนะสงคราม วัดพระแก้ว หรือวัดสุทัศน์ จะยิ่งมีพุทธคุณที่ช่วยล้างของได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สำหรับการผสมน้ำมนต์ให้ทำในวันแรม 8 ค่ำ หรือวันขึ้น 8 ค่ำ ระหว่างนั้นให้ทำการท่องบทสวดอิติปิโสย้อนหลัง 7 รอบและอธิษฐานขอให้น้ำมนต์กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไป นำเอาผ้าถุงหรือเสื้อผ้าที่แม่ใส่อยู่เป็นประจำเอาไว้ในอ่างอาบน้ำ
จากนั้นให้นำเอาผ้าถุงหรือเสื้อผ้าของแม่ที่นำไปทำพิธี นำไปคลุมหัวคนที่โดนของพร้อมกับตักน้ำราดตัวไปด้วย หรือจะใช้วิธีการนำเอาน้ำฝนไปล้างเท้าแม่ผู้ให้กำเนิดและขออธิษฐาน ขอคุณจากบิดามารดาให้มาคุ้มครองก็ได้เช่นเดียวกัน จากนั้นให้นำเอาน้ำดังกล่าวมาทั้งอาบและดื่มในวันเสาร์เวลา 7:30 น. ถึง 8:00 น. หรือจะใช้ในวันอังคารเวลา 10:00 น. ถึง 10:30 น. ก็ได้เช่นเดียวกัน
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com