เชื่อว่าในยุคนี้ น้อยคนจะรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า มักรีผล เพราะมันเป็นผลไม้มงคลที่อยู่ในเรื่องเล่าตำนานโบราณ ช่วงเวลานี้ที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าจนเราสามารถก้าวข้ามผ่านประเด็นที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ไปแล้ว ผลไม้ดังกล่าวจึงแทบจะไม่มีบทบาทอะไรในสังคมเลยแม้แต่น้อย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่ามันเป็นผลไม้ที่มีอยู่จริง แถมยังช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่ครอบครองได้อีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผลไม้ชนิดนี้กัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดตำนานมักรีผล ต้นไม้สายพันธุ์หนึ่งที่ออกลูกเป็นผู้หญิง
มักรีผล เป็นผลไม้ที่งอกออกมาจากต้นไม้มงคลในป่าหิมพานต์ ดินแดนลี้ลับและศักดิ์สิทธิ์ คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ป่าแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์และพืชพันธุ์แปลก ๆ เหนือจินตนาการ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้วิเศษอีกด้วย
พันธุ์ไม้ที่มีผลเหมือนกับหญิงสาวนั้นจะมีลำต้นที่สูงใหญ่ ใบมีลักษณะคล้ายกับใบมะม่วงแต่ใหญ่เทียบเท่ากับใบตอง ขณะที่ยังเป็นผลอ่อนลักษณะจะคล้ายกับคนนั่งชันเข่า เมื่อผลเริ่มโตขึ้นขาก็จะเหยียดออกมาในลักษณะท่ายืน เมื่อผลสุกเต็มที่รูปลักษณ์ก็จะเหมือนกับหญิงสาววัย 16 ปีที่เปลือยกายและยืนตัวตรง
บริเวณศีรษะของมักรีผลจะมีขั้วคล้ายกับคั่วผลมังคุด ทั้งผิวพรรณและหน้าตางดงามเหมือนกับเทพธิดา ผมยาวสลวยสีทอง ดวงตากลมโต รูปลักษณ์เย้ายวน นิ้วทั้ง 10 ยาวเท่ากัน มีกลิ่นหอมที่สามารถโชยไปได้ไกล แถมยังส่งเสียงได้เหมือนมนุษย์
มักรีผลจะมีรูปลักษณ์ที่เย้ายวนและมีร่างกายที่สวยงามอยู่บนต้นได้เพียง 7 วัน หลังจากนั้นก็จะหลุดออกจากต้นและแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลา แต่โดยปกติแล้วส่วนใหญ่หากลูกสุกดี เหล่าชายหนุ่มในป่าทั้งวิทยาธร ฤๅษี คนธรรพ์หรือนักสิทธิ์ ที่ไม่สามารถละกิเลสตัณหาได้
จะพากันมาเก็บผลดังกล่าวไปเสพสังวาส เมื่อพ้นไป 7 วันก็จะเน่าเปื่อยจนถูกปล่อยทิ้งขว้างไป จากนั้นเหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายก็จะมารอเก็บผลใหม่กันอีกครั้ง
นอกจากนี้มักรีผลยังเคยปรากฏอยู่ในมหาชาติคำหลวง พระเวสสันดรชาดก และไตรภูมิพระร่วงอีกด้วยโดยมีใจความว่า พระเวสสันดรได้ถูกเนรเทศให้เดินทางออกนอกเมือง เนื่องจากราษฎรไม่พอใจที่พระองค์ประทานช้างให้กับพราหมณ์จากเมืองอื่นที่กำลังประสบกับหน้าแล้ง
พระองค์จึงพาภรรยาและลูกอย่างกัณหาและชาลี ออกเดินทางไปยังป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม ตอนนั้นพระอินทร์ได้เนรมิตศาลาเพื่อเป็นที่พักให้กับพระเวสสันดร พระอินทร์ไม่ห่วงปัญหาเรื่องสัตว์ร้ายเพราะเชื่อว่า บารมีของพระเวสสันดรจะทำให้สัตว์ที่อยู่รายล้อมไม่ทำอันตรายอย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือ บรรดาชายหนุ่มในป่าที่ยังละกิเลสตัณหาไม่ได้ เมื่อพบเข้ากับพระมเหสีของพระเวสสันดรอย่างนางมัทรี ที่มีหน้าตางดงามและรูปร่างดีก็แทบจะตบะแตก พระอินทร์จึงไม่ไว้วางใจ ประกอบกับที่พระนางต้องออกเดินทางไปหาผลไม้ตามลำพังอยู่เป็นประจำ
พระอินทร์จึงกลัวว่าพระนางอาจโดนล่วงเกินจนเสื่อมเสีย จึงได้เนรมิตให้เกิดต้นไม้วิเศษขึ้นมา 16 ต้นรายล้อมที่พำนักของพระเวสสันดร โดยออกผลมีรูปร่างคล้ายกับสตรีหรือก็คือมักรีผล ทำให้บรรดาชายหนุ่มในป่าเห็นแล้วอดใจไม่ไหว ต้องไปเด็ดผลมาเสพสังวาส
แต่หลังจากเสร็จกิจแล้วก็จะหมดอิทธิฤทธิ์ ทำให้ต้องบำเพ็ญเพียรกันใหม่อีกครั้ง มันจึงช่วยให้พระนางมัทรีปลอดภัยจากชายหนุ่มเหล่านี้
จากเรื่องเล่าในตำนานสู่ข่าวครึกโครมเมื่อมีคนพบซากสัตว์คล้ายมักรีผล
บางคนอาจมองว่ามักรีผลเป็นแค่เรื่องเล่าในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามีก็มาในลักษณะของขลังสำหรับบูชา มากกว่าจะเป็นผลไม้ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากต้นไม้บนโลกใบนี้ แต่ในปี 2535 ก็ได้เกิดข่าวดังครึกโครมเกี่ยวกับผลไม้ที่ออกลูกเป็นคน
จากเหตุการณ์ที่มีคนพบซากสัตว์แห้ง ๆ 1 คู่ คล้ายกับมนุษย์และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ หรือคล้ายคลึงกับมักรีผลนั่นเอง ผู้ครอบครองอย่างพระครูโกศลวิริยกิจจากวัดพระปรางค์มุนี จังหวัดสิงห์บุรีได้กล่าวว่า มันเป็นของมงคล เมื่อนำเอาไปเอกซเรย์แล้วไม่มีโครงกระดูกแต่อย่างใด
สำหรับผู้ที่เชื่อก็มองว่ามันมีความศักดิ์สิทธิ์ ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่เชื่อก็มองว่าอาจเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือ บางคนคิดถึงขั้นที่ว่าอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวเลยก็มี
รู้หรือไม่ มักรีผลมีศาลเจ้าแม่และเครื่องรางให้บูชาด้วย
หากเทียบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ มักรีผลอาจไม่ได้มีความเชื่อแรงกล้าในวงสังคมมากมายนัก ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงมีศาลเจ้าแม่อยู่ดี โดยตั้งอยู่ในวัดป่าพรหมยาน จังหวัดฉะเชิงเทรา ใครอยากไปกราบไหว้ขอพรก็สามารถจุดธูป 3 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นท่องคาถาบูชา 9 จบว่า โอม เมตตานารีผล โอม นะหะอิติธนังโภคัง เมตตา มะมะ เสร็จแล้วจึงขอพรในสิ่งที่ปรารถนา หากประสบผลตามความต้องการ ก็ให้นำของมาแก้บนตามสะดวก
นอกจากมักรีผลจะมีศาลเจ้าแม่แล้ว ยังมีเครื่องรางที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อีกด้วย ว่ากันว่าจะช่วยเสริมคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับสื่อบันเทิงอย่างนักข่าว พิธีกร และนักแสดงได้เป็นอย่างดี และยังมีให้บูชาที่วัดพรหมยานอีกด้วย ใครสนใจ เราขอแนะนำให้เดินทางไปเยี่ยมชมด้วยตาของตัวเอง
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com