มันเป็นเรื่องยากที่เราจะตัดสินว่า สัตว์ประหลาดทั้งหลายบนโลกใบนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่จินตนาการของมนุษย์ อย่างเช่น มังกร ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในทุกอารยธรรม ไม่ว่าจะในฝั่งเอเชียหรือฝั่งยุโรป รวมไปถึงทวีปอเมริกา ต่างก็มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ว่ามีความทรงพลัง เต็มไปด้วยอำนาจ ดลบันดาลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ได้ พวกเขาเป็นใครมาจากไหน และแต่ละพื้นที่มีคติความเกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร ไปดูกันเลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดตำนานมังกร สัตว์ในวรรณกรรมที่ปรากฏอยู่ในตำนานของหลายชนชาติ
หากพูดถึงมังกร แน่นอนว่าทุกคนจะต้องนึกถึงประเทศจีน เพราะพวกเขาเป็นสัตว์มงคลที่มาจากคติความเชื่อของประเทศจีน เป็นสายพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างจากมังกรในฝั่งตะวันตกอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
ตามตำรากล่าวว่า มังกรมีความเป็นมิตรมากกว่าที่จะเป็นสัตว์ร้ายกาจ และได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ที่นำพามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความสุขให้กับเมือง สามารถพบได้ทั่วไปตามทะเลสาบและแม่น้ำ พวกเขาชื่นชอบการอยู่กลางสายฝน
ในยุคราชวงศ์ชิง ฮ่องเต้หรือกษัตริย์ จะประทับอยู่บนบัลลังก์ที่มีลวดลายของมังกรอยู่ เวลาออกเดินทางก็จะนั่งเรือที่มีมังกรประดับประดาอยู่เช่นเดียวกัน แม้แต่โต๊ะเสวยอาหารก็ยังมีลวดลายมังกร เสื้อผ้า ข้าวของ ล้วนแล้วแต่ถูกประดับตกแต่งหรือตัดเย็บด้วยลวดลายมังกรทั้งสิ้น
ในยุคนั้นคนทั่วไปไม่สามารถใช้ลวดลายดังกล่าวได้แต่อย่างใด และความพิเศษของลวดลายที่กษัตริย์ใช้ คือ พวกเขาจะมี 5 เล็บด้วยกัน
เปิดลักษณะเฉพาะของมังกรในพจนานุกรมจีน
ลักษณะของมังกรในพจนานุกรมจีนอธิบายเอาไว้ว่า เป็นสัตว์นำโชคขนาดใหญ่ที่หัวมีลักษณะคล้ายคลึงกับอูฐ มีเขาสองข้างอยู่บริเวณด้านข้างของหน้าผากคล้ายกับเขาของกวาง ดวงตากลมโตเหมือนกระต่ายป่า มีหูคล้ายกับวัว มีปีกเหมือนกับของนกอินทรี
ลำคอและลำตัวมีความยาวเหมือนกับงู บริเวณท้องจะลักษณะคล้ายกับหอยกาบ มีเกร็ดเหมือนกับปลาคาร์ฟ ดังนั้นหากดูโดยรวมแล้วพวกเขาจึงเหมือนกับปลาไหลขนาดใหญ่ที่มี 4 เท้าเหมือนกับเสือ
ว่ากันว่าเสียงร้องของพวกเขาดังกึกก้องเหมือนกับมีคนตีฆ้องขนาดใหญ่ ลมหายใจเป็นเมฆ แต่บางครั้งก็สามารถหายใจเป็นฝนหรือเปลวไฟได้เช่นเดียวกัน
มังกรในฝั่งของประเทศจีนมีเขี้ยวขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก อยู่บริเวณขากรรไกรด้านบน หนวดของพวกเขามีความยาวเหมือนกับเถาวัลย์ บริเวณคอมีแผงขนเหมือนกับสิงโต พวกเขามีเกล็ดทั้งหมด 117 แผ่นทั่วทั้งลำตัว ประกอบไปด้วยเกล็ดหยาง 81 แผ่น ซึ่งเปรียบเหมือนความดี และเกล็ดหยินอีก 36 แผ่น ซึ่งเปรียบเหมือนกับความชั่วร้าย
พวกเขาจะมีสันหลังที่ทอดยาวตามแนวกระดูกสันหลังยาวลงไปจนถึงหาง ส่วนบริเวณหางจะเป็นหนามที่ยาวและแหลมคม บนหัวมีโหนกเอาไว้ใช้สำหรับการบิน หากไม่มีโหนกดังกล่าว ตัวนั้นก็จะถือคทาเล็กๆ เอาไว้ เพื่อใช้ในการบินแทน
ตามตำราแล้ว มังกรเป็นสัตว์ที่มีหลากหลายสีสัน บ้างก็มีสีทอง สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน สีเหลือง และสีเขียว มีอิทธิฤทธิ์ สามารถแปลงกายให้มีขนาดตัวใหญ่โตเทียบเท่ากับจักรวาล หรือจะให้มีขนาดเล็กเทียบเท่ากับหนอนดินก็ได้เช่นเดียวกัน
นิสัยส่วนใหญ่จะเป็นเทพที่มีความเมตตากรุณา มีความทะเยอทะยาน แต่ก็เป็นมิตรและมองโลกในแง่ดี มีความเฉลียวฉลาด มีสติปัญญาหลักแหลม มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ และเต็มไปด้วยพลัง
รวมชนิดของมังกรในประเทศจีน
มังกรในประเทศจีนจะสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 9 ชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดก็จะมีลักษณะภายนอกรวมไปถึงนิสัยที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- พิวโหล เป็นชนิดที่ถูกสลักอยู่บนยอดฆ้องหรือระฆัง เนื่องจากเวลาที่โดนโจมตี พวกเขามักจะส่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่ว
- ไชยู เป็นชนิดที่ถูกสลักไว้ด้านบนของเครื่องดนตรีโบราณ เนื่องจากพวกเขานั้นชื่นชอบดนตรีและงานศิลปะ
- ไพไซ เป็นชนิดที่ถูกสลักเอาไว้บนโต๊ะหิน เนื่องจากพวกเขามีความรักให้กับวรรณคดี การศึกษาหาความรู้
- พาไซ เป็นชนิดที่ถูกสลักเอาไว้บริเวณใต้ฐานอนุสาวรีย์หิน เนื่องจากพวกเขามีความสามารถในการแบกรับน้ำหนักได้อย่างยอดเยี่ยม
- เฉ่าเฟิง เป็นชนิดที่มักจะถูกวางเอาไว้บริเวณชายคาวัด เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่สามารถป้องกันอันตรายได้เป็นอย่างดี มีความตื่นตัวต่อภัยคุกคามเป็นอย่างมาก
- เช่ย เป็นชนิดที่มักถูกวางประดับไว้บริเวณคานสะพาน เนื่องจากพวกเขาชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ
- ซ่วงหนี่ เป็นชนิดที่ถูกสลักเอาไว้บนบัลลังก์ที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชื่นชอบการพักผ่อน
- เย่สึ เป็นชนิดที่จะถูกสลักเอาไว้บนดาบหรืออาวุธ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีความสามารถในการต่อสู้และเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ
- ไพฮั่น เป็นชนิดที่จะถูกสลักเอาไว้ด้านบนของประตูเรือนจำ เนื่องจากเป็นชนิดที่ชื่นชอบการทะเลาะเบาะแว้งและมักจะสร้างปัญหาอยู่เสมอ
เพราะเหตุใดคนจึงนิยมบูชามังกรไว้ในบ้าน
หลายคนนิยมชมชอบมังกรถึงขั้นที่นำเอามาประดับตกแต่งบ้านเพื่อเป็นการเสริมดวง นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาจัดเป็นหนึ่งในสัตว์พิเศษทั้ง 4 ที่ผู้คนนับถือกันมาตั้งแต่โบราณ ประกอบไปด้วยมังกรเขียว หงส์แดง เสือขาว และเต่าดำ ในอดีตเคยเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิมาก่อน
ดังนั้นผู้คนจึงเชื่อว่าหากเรามีรูปภาพหรือรูปจำลองพวกเขาตั้งอยู่ในบ้าน จะสามารถเสริมความเป็นมงคลได้เป็นอย่างดี ช่วยให้มีความมั่งคั่งร่ำรวย เต็มไปด้วยอำนาจบารมี และช่วยให้โชคดีมากขึ้นกว่าเดิม เป็นตัวเสริมพลังที่ให้กับบ้านของเรา
ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วควรวางมังกรเอาไว้บริเวณทิศตะวันออก หรือจะวางทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เมื่อเรามองจากด้านในออกมาก็ได้เช่นเดียวกัน นิยมวางประดับตกแต่งในห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร และห้องทำงาน
ไม่ควรวางในบริเวณที่พลังงานต่ำ อย่างเช่นในห้องน้ำ ห้องนอน หรือในโรงจอดรถ เนื่องจากพวกเขาชื่นชอบน้ำเป็นอย่างมาก แต่สำหรับบ้านใครที่มีรูปภาพผืนน้ำหรือแหล่งน้ำ จะวางรูปปั้นหันหน้าเข้าน้ำก็ได้เช่นเดียวกัน
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com
