มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ยิ่งมนุษย์เกิดการพัฒนาด้านต่าง ๆ มากเท่าไร กิเลสก็จะตามมามากเท่านั้น ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว วันนี้ สายมู.com จะมาพูดถึงเรื่องวิบากกรรมของคนเล่นของ ซึ่งคนเล่นของมีหลากหลายประเภท ลึกลับซับซ้อน การเล่นของแต่ละแบบก็จะมีระดับที่แตกต่างกันไป คนธรรมดาทั่วไปทำได้แค่ระบบต่ำกับระดับกลาง แต่ถ้าคุณไสยระดับสูงจะเป็นของระดับกายทิพย์ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ถึงแม่ว่าวิทยาศาสตร์จะเจริญก้าวหน้าไปมากมายสักแค่ไหน แต่ว่าความเชื่อทางไสยศาสตร์ไม่มีวันที่จะหมดสิ้นไป
คนเล่นของแบ่งออกเป็น 2 สาย ได้แก่
1. สาวขาว คือ การใช้มนต์คุณไสยในทางบวก ขาวสะอาด การช่วยเหลือผู้อื่น ป้องกันตัวหรือผู้อื่น เหมือนเอาตัวเองเข้าไปรับแทนผู้กระทำ เกิดหนี้บุญคุณ กรรมที่ทำร่วมกัน ต้องหมั่นกรวดน้ำอุทิศให้ผู้ที่ช่วยเหลือเรา เพื่อให้เขามีพลังไปช่วยผู้อื่นต่อไป ไม่มีหนี้บุญคุณต่อกัน และขออโหสิกรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
2. สายดำ คือ การใช้มนต์คุณไสยในทางลบ โดยทำร้ายผู้อื่นด้วยตัวเองหรือมีผู้คนมาจ้าง ให้ผู้ถูกกระทำต้องช้ำทั้งใจ ลำบากทั้งกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งชีวิต สายดำถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่งของจะย้อนเข้ามาหาตัวเองได้ และเป็นการจองเวรจองกรรมไม่มีที่สิ้นสุด เกิดเป็นวิบากกรรมของผู้กระทำ ชดใช้ไม่หมด เวียนว่ายตายเกิดเป็นศัตรูคู่อาฆาตในทุกชาติภพ
ประเภทการทำคุณไสยของคนเล่นของ
1. สายเสกเข้าท้อง
คุณไสยระดับต่ำ สามารถเสกสิ่งของต่าง ๆ เข้าท้องอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็น เหรียญปากผี ผ้าห่อศพ ตะปูตอกฝาโลง หนังวัว หนังควาย เส้นผมผีตายทั้งกลม ตายโหง เป็นต้น
2. สายควบคุม
จัดเป็นคุณไสยชั้นกลาง ที่นิยมเห็นกันได้บ่อยคือ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปรอย ยาสั่ง ยาผีบอก และน้ำพราย เป็นต้น
3. สายป้องกัน
จะเป็นพวกสักเลข ยันต์ หรือของที่ผ่านการลงอาคมแล้วนำมาติดตัวไว้คุ้มกันภยันตรายเช่น ตะกรุดหรือปรอท เป็นต้น พกไว้บูชาเพื่อคุ้มกัน แคล้วคลาดจากภัยอันตราย คงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า
4. สายโจมตี
เป็นจำพวกหุ่นปั้นพยนต์เสกเช่น วัวธนู ควายธนู กุมารทอง หรือ หุ่นพยนต์ นอกจากใช้ไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้วยังป้องกันอันตรายจากภูตผีปีศาจมารังควานได้อีกด้วย
คนที่ทำคุณไสย์ ก็คือคนที่ทำการผูกเวร ก่อเวร ไม่ระงับเวร ผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่โดนอริศัตรูผูกใจเจ็บ เปรียบเสมือนภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุระเบิดขึ้นทำลายล้างให้วอดวายในพริบตา หรือรอโอกาสแก้แค้นนั่นเอง เมื่อคนเราถูกกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้าครอบงำ จนทำให้ไม่รู้สึกตัวและไม่อาจแยกแยะชั่วดีได้ มุ่งจ้องแต่กระทำใส่กัน หรือไม่ก็มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะโดนกระทำ นี่แหละที่เรียกว่า “กงเกวียนกำเกวียน”