ประเทศไทยของเรานำเอาวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเป็นระยะเวลายาวนาน จนบางวัฒนธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว อย่างเช่น แมวกวัก ที่เรามักจะเห็นตั้งอยู่ตามร้านค้าทั้งหลายจนชินตา หลายคนอาจทราบดีว่ามันคือเครื่องรางนำโชคของประเทศญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยทราบประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของพวกเขา วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องรางสุดน่ารักกันว่า พวกเขามีอะไรที่น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดประวัติความเป็นมาของแมวกวัก ทำไมถึงต้องเป็นแมว
“แมวกวัก” หรือ “มาเนกิเนะโกะ” ในภาษาญี่ปุ่น เป็นของขลังที่ช่วยดึงดูดทรัพย์สินเงินทองสำหรับคนที่ทำมาค้าขายได้เป็นอย่างดี นั่นก็เป็นเพราะว่าชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า แมวคือสัตว์นำโชคมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ และแมวที่ถูกนำเอามาใช้เป็นรูปปั้นยังมีลักษณะใกล้เคียงกับแมวพื้นเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่ไม่มีหางอีกด้วย พวกเขาไม่ได้แค่ถูกนำเอามาใช้เป็นของมงคลเพราะแมวเป็นสัตว์นำโชคเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีตำนานที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาที่น่าสนใจอีกด้วย
เรื่องราวเกี่ยวกับแมวกวักเกิดขึ้นในยุคสมัยเอโดะ ช่วงเวลานั้นมีหญิงชราคนหนึ่งที่ยากจนข้นแค้นเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลี้ยงดูแมวของตัวเองเป็นอย่างดี จนกระทั่งในวันหนึ่งเธอไม่สามารถแบกรับภาระได้ไหว จึงจำใจที่จะต้องเอาแมวไปปล่อยด้วยความโศกเศร้า
ในคืนนั้นเธอใช้เวลาหมดไปกับการร้องไห้ก่อนจะผล็อยหลับไป หญิงชราได้ฝันว่าแมวมาบอกเธอว่าหากปั้นรูปปั้นของแมวแล้วจะทำให้โชคดี ในวันรุ่งขึ้นเธอจึงลุกขึ้นมาปั้นรูปปั้นแมวอย่างตั้งอกตั้งใจ และมันก็ดันขายออกได้อีกด้วย
หลังจากนั้นเธอจึงยึดอาชีพปั้นรูปปั้นแมวเป็นงานเลี้ยงตัวเอง จนสุดท้ายก็สามารถพาแมวที่เธอรักที่สุดกลับมาอยู่ด้วยกันได้สำเร็จ หลังจากนั้นเป็นต้นมาตุ๊กตาแมวจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและได้รับความนิยมกันมาจนถึงในปัจจุบัน
มีความเชื่อว่าพวกเขาจะช่วยนำพาให้เงินทองและโชคลาภมาให้ ดังนั้นในประเทศญี่ปุ่นจึงนิยมนำเอาตุ๊กตาแมวกวักเหล่านี้ มาวางไว้บนเคาน์เตอร์ของร้านเพื่อเรียกลูกค้า มีหน้าที่คล้ายกับนางกวักในประเทศไทยของเรานั่นเอง
เปิดความหมายของการกวักแขนในแต่ละข้างของแมวกวัก
แมวกวักเป็นของนำโชคที่หากไม่สังเกตให้ดีเราอาจจะไม่ทราบเลยว่าแต่ละตัวอาจจะกวักแขนคนละข้าง ซึ่งก็มีทั้งข้างซ้าย ข้างขวา หรือบางตัวก็กวักมาทั้งสองข้างไปเลยก็มี ลักษณะการยกมือขึ้นกวักเรียกมนุษย์ของแมวแต่ละข้างนั้นก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ข้างซ้าย เป็นการเรียกลูกค้าหรือแขกให้เข้ามาใช้บริการ ช่วยเสริมดวงให้ทำมาค้าขายรุ่งเรือง กิจการเจริญก้าวหน้า
- ข้างขวา เป็นการเรียกโชคลาภและเงินทองเข้ามาสู่ร้านของเรา ช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
- 2 ข้าง เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแมวโลภก็ว่าได้ เพราะพวกเขาจะกวักทั้งเงินทองโชคลาภรวมไปถึงมนุษย์ ให้เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าในร้านของเราไปพร้อมๆ กัน แต่เนื่องจากลักษณะที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดเวลาทำเป็นรูปปั้น ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยเห็นแมวกวักที่ยกมือขึ้นมา 2 ข้างสักเท่าไหร่
รวมความหมายของแมวกวักแต่ละสี
ในอดีตสีขาวคือสีของแมวกวักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในยุคปัจจุบันมีการเพิ่มสีสันให้กับแมวกวักมากขึ้นกว่าเดิม โดยแต่ละสีก็มีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อในเรื่องของการเพิ่มโชคลาภในด้านต่าง ๆ ดังนั้นก่อนใครจะพุ่งตัวไปยังร้านค้าเพื่อซื้อแมวกวักมาตั้งไว้ที่ร้าน เราจะพาทุกคนมาดูกันว่า ในแต่ละสีมีหมายความว่าอะไรและช่วยเสริมในด้านไหนบ้าง เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้องมากขึ้นกว่าเดิม
- สีขาว เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ช่วยให้คุณโชคดีและมีโชคลาภมากขึ้นกว่าเดิม
- สีทอง เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงช่วยส่งเสริมในด้านเงินทองให้ร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกนั่นเอง
- สีน้ำเงิน เป็นสีที่พบเห็นได้น้อยเนื่องจากไม่ได้วางอยู่ตามร้านค้า เพราะมันจะช่วยให้เวลาเราเดินทางไปไหนมาไหนแล้วแคล้วคลาดปลอดภัย ไร้อันตรายจากอุบัติเหตุหรือสิ่งไม่คาดฝัน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงมักจะตั้งอยู่ตามรถโดยสารมากกว่า
- สีชมพู เป็นอีกหนึ่งสีแปลกที่ยังพอพบเห็นได้บ้างตามร้านค้า เพราะพวกเขาจะดูน่ารักเป็นพิเศษ แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ค่อยเหมาะสำหรับการตั้งตามร้านค้าสักเท่าไหร่ แต่เหมาะสำหรับการตั้งในห้องนอนหรือห้องพักมากกว่า เพราะจะช่วยให้เราสมหวังในเรื่องความรักนั่นเอง
- สีดำ เป็นอีกหนึ่งสีที่เห็นได้บ่อย โดยเฉพาะตามบริษัทห้างร้านทั้งหลาย เนื่องจากมันช่วยปัดเป่าสีชั่วร้ายที่จะเข้ามาสร้างอันตรายให้กับเราได้
- สีแดง เป็นสีที่หลายคนอาจเข้าใจว่ามงคล ช่วยเสริมด้านความร่ำรวยและการเงินอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วในประเทศญี่ปุ่นสีแดงจะช่วยเสริมเรื่องสุขภาพ ให้อายุยืนยาวและไม่มีโรคภัยไข้เจ็บต่างหาก แตกต่างจากสีแดงตามที่ชาวจีนเชื่อกัน
- สีเหลือง เป็นอีกสีที่พบได้บ่อย เพราะพวกเขาจะดูน่ารักสดใสเป็นพิเศษ แต่พวกเขาไม่ได้เสริมเรื่องการทำงานหรือการค้าขาย แต่จะเสริมเรื่องความสัมพันธ์และมิตรภาพเสียมากกว่า
- สีเขียว เป็นสีที่พบได้ยาก และส่วนใหญ่ก็มักจะตั้งอยู่ตามบ้านเรือน เนื่องจากมันจะช่วยคุ้มครองให้คนในบ้านอยู่เย็นเป็นสุขและปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายนั่นเอง
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com