รู้จักกับ เขี้ยวหมูตัน ของขลังจากธรรมชาติไม่ต้องปลุกเสก

by saimu
0 comment
เขี้ยวหมูตัน

ย้อนกลับไปในอดีตก่อนที่ศาสนาพุทธจะเข้ามาในประเทศไทย เรามีการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง ซึ่งรวมถึงผีสางนางไม้และสิ่งของที่ได้จากธรรมชาติอย่าง เขี้ยวหมูตัน ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนพกติดตัวเอาไว้เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องรางชิ้นนี้ก็มาจากลักษณะของหมูป่า ที่หนังมีความเหนียวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเกี่ยวโยงกับอาถรรพ์การปกป้องผู้ที่พกพาจากสัตว์เลื้อยคลานมีพิษ เครื่องรางของขลังชิ้นนี้จะมีที่มาที่ไปอย่างไร และจะมีความศักดิ์สิทธิ์จริงอย่างที่หลายคนกล่าวอ้างหรือไม่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

เขี้ยวหมูตัน อาถรรพ์หมูป่าเพศผู้หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า

เขี้ยวหมูตัน

หากจะให้กล่าวถึงเครื่องรางของขลังที่ได้จากธรรมชาติโดยไม่ผ่านการปลุกเสก เขี้ยวหมูตัน ถือว่าเป็นเครื่องรางที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก หลายคนเชื่อว่าผู้ที่ครอบครองจะมีพลังอำนาจ สามารถปกป้องเราจากภัยอันตรายของงูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์คงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า

ในช่วงที่มีการทำสงครามอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะมีศาสนาพุทธเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังคงต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่านั้น จากเขี้ยวหมูป่าธรรมดาจึงกลายมาเป็น เขี้ยวหมูตัน ของขลังที่ผู้คนนิยมบูชา เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตราย 

ในอดีตเขี้ยวหมูที่บูชากันก็จะเป็นเขี้ยวธรรมดาทั่วไป แต่ในภายหลังเหล่าเกจิอาจารย์ผู้ปลุกเสกก็จะนำเอาเขี้ยวมาแกะสลักให้เป็นรูปเสือหรือสัตว์มงคล บ้างก็มีการลงอักขระขอม แกะสลักมนตราปลุกเสกให้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

สิ่งสำคัญที่จะทำให้เขี้ยวหมูธรรมดากลายมาเป็นเขี้ยวหมูตัน หนึ่งในของขลังด้านคงกระพันชาตรีและการปกป้องอันตราย ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยคือ ต้องเป็นเขี้ยวตันทั้งชิ้น ไม่ใช่เขี้ยวที่มีโพรงเหมือนกับเขี้ยวหมูทั่วไป เพราะนอกจากมันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังไม่สามารถแกะสลักได้อีกด้วย 

สิ่งสำคัญลำดับถัดมาก็คือ ต้องเป็นเขี้ยวของหมูป่าเพศผู้ที่ฟันแทงไม่เข้าและสิ้นอายุขัยไปเอง เมื่อพบเจอแล้วจะสามารถดึงออกจากกรามได้เลย มันจึงทำให้เป็นของป่าหายาก เพราะหมูป่าเหล่านี้ไม่สามารถฆ่าเพื่อเอาฟันได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสก

เปิดวิธีการดูเขี้ยวหมูตัน แบบไหนถึงจะเป็นของจริง

เขี้ยวหมูตัน

เขี้ยวหมูตัน เป็นของมงคลที่ช่วยนำโชคและปกป้องผู้บูชาจากอันตราย ได้รับความนิยมอย่างมากในการเอาไปกลัดติดกับหมอนของเด็กทารกที่ยังไม่สามารถปกป้องดูแลตัวเองได้ ประกอบกับการเป็นของหายาก ทำให้มีของปลอมในตลาดเป็นจำนวนมาก ส่วนของแท้จะมีวิธีการสังเกตอย่างไร เรามีมาแนะนำ

  1. ใช้กล้องส่องขยายดูจากโคนเขี้ยวไปจนถึงปลาย หากเป็นเขี้ยวหมูตันของแท้จะมีเส้นลายขวางเป็นริ้ว เพราะตามธรรมชาติแล้วเขี้ยวหมูจะงอกเพิ่มตามอายุของพวกเขานั่นเอง
  2. เขี้ยวหมูธรรมชาติเหล่านี้หากสัมผัสกับเหงื่อของเราก็จะมีสีเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นสีขาวก็จะกลายเป็นสีขาวเหลือง มีลักษณะเหมือนกับถูกเคลือบไว้ด้วยขี้ผึ้ง
  3. ปลายเขี้ยวจะต้องมีความแหลมคมเอาไว้สำหรับการกัดฉีกอาหารตามธรรมชาติ
  4. กรณีที่เขี้ยวถูกถักเงิน ให้สังเกตความเก่าแก่ของเงินที่ใช้ในการถักว่าสอดคล้องกับสภาพการใช้งานของตัวเขี้ยวมากน้อยแค่ไหน 
  5. ภายในเขี้ยวหมูตันจะต้องเต็มตั้งแต่ปลายจนถึงโคน มีโอกาสที่บริเวณโคนจะมีโพรงอากาศอยู่บ้างเล็กน้อย เนื่องจากเป็นโพรงประสาทฟัน อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นของปลอม เพราะยิ่งหมูอายุมากขึ้นก็จะยิ่งมีโพรงอากาศในฟันมากขึ้นด้วย และมันคงดีกว่าหากเราได้เขี้ยวจากหมูที่มีอายุยืน เพราะมันเป็นการการันตีถึงคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า จนทำให้หมูตัวนั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เรื่อย ๆ จนแก่ตาย นั่นเอง

ตำนานเขี้ยวหมูตันหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย สมุทรปราการ

เขี้ยวหมูตัน

หากพูดถึงเขี้ยวหมูตันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ต้องเป็นของหลวงพ่อปานจากวัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ เขี้ยวหมูแกะรูปเสือ เป็นการนำเอาเขี้ยวหมูมาแกะสลักเป็นรูปเสือ จากนั้นก็ลงเลขยันต์ตามตัว 

นอกจากจะใช้เขี้ยวหมูตันแล้ว ยังมีการใช้เขี้ยวเสือหรืองาช้างมาแกะสลักอีกด้วย จากนั้นก็นำเอาไปเข้าพิธีปลุกเสกจนมั่นใจว่า มีพุทธคุณและสามารถใช้ได้อย่างแน่นอน ก่อนจะนำเอามาแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธาเลื่อมใส หลวงพ่อก็มักจะทำการปลุกเสกซ้ำต่อหน้าอีกครั้ง

หลังจากที่แกะสลักเขี้ยวและปลุกเสกทำพิธีเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำเอาไปใส่ลงในบาตรน้ำมนต์ จากนั้นทำพิธีปลุกเสกซ้ำอีกครั้ง แล้วทิ้งให้วัตถุมงคลจมนิ่งอยู่ก้นบาตร ไม่นานจะเกิดอภินิหารเขี้ยวค่อย ๆ เคลื่อนไหวจนทำให้น้ำในบาตรสั่นเป็นคลื่นอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน

จากนั้นเขี้ยวก็จะค่อย ๆ ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างน่าอัศจรรย์ เนื่องจากเขี้ยวสัตว์มีน้ำหนักมากกว่ามวลของน้ำอย่างแน่นอน แต่เขี้ยวที่ทำการปลุกเสกนั้นกลับสามารถลอยขึ้นมาได้ ราวกับว่ามีอากาศอยู่ภายในหรือมีน้ำหนักเบากว่าเสียอย่างนั้น 

นอกจากนี้เขี้ยวหมูตันที่ถูกแกะเป็นรูปเสือเหล่านั้น จะวิ่งวนอยู่ภายในบาตรน้ำมนต์ด้วยตัวเอง เมื่อพิธีจบลงเขี้ยวจะกระโดดออกมาจากบาตร ไปอยู่ตรงหน้าผู้ผู้รับเลยทีเดียว 

มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ทำการปลุกเสกพร้อมกันหลายชิ้น ขณะที่ทำพิธีปลุกเสกอยู่ เสือที่อยู่ในบาตรน้ำมนต์ก็กัดกันจนวุ่นวายไปหมด เมื่อเสร็จพิธี หลวงพ่อได้ปาเสือเหล่านั้นเข้าไปในพงหญ้า บรรดาลูกศิษย์ต่างก็กรูกันเข้าไปคนหา แต่กลับไปพบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จึงเข้าใจว่าหายไปจนหมดแล้ว

หลังจาก หลวงพ่อปานให้ลูกศิษย์นำเอาเนื้อสด 1 ชิ้นมาวางไว้ที่ชายคากุฏิ เมื่อถึงรุ่งเช้าทุกคนก็ได้เจอกับเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอีกครั้ง เพราะเขี้ยวที่ได้ปลุกเสกเหล่านั้น กลับมารุมเกาะเนื้อครบทุกชิ้น ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นเหตุการณ์ ยิ่งเชื่อถึงอานุภาพของวัตถุมงคลดังกล่าวมากขึ้นกว่าเดิม 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment