ทำบุญวันเกิด การสร้างบุญกุศลที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณเป็นสิริมงคล

เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิด หลายคนก็เลือกที่จะเดินทางเข้าวัดทำบุญ นั่นก็เป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธนั่นเอง และในวันนี้ สายมู.com จะมาแนะนำวิธีการทำบุญวันเกิดอย่างไร ให้สร้างบุญกุศลตามดวงของคนเกิดในแต่ละวัน และให้เกิดความเป็นสิริมงคลกับชีวิตของตนเอง สำหรับใครที่สนใจไปดูกันได้เลย 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดวิธีการทำบุญวันเกิดให้เหมาะสมตามคนเกิดในแต่ละวัน 

วันจันทร์ การทำบุญวันเกิดสำหรับคนเกิดวันจันทร์ ให้ถวายอาหารคาวเป็นพวกสัตว์น้ำหรือสัตว์ปีกอย่างเช่น เมนูไก่ทอดหรือปลาสลิดทอด ส่วนของหวานให้ถวายเป็นน้ำเต้าหู้ น้ำอ้อย นมถั่วเหลือง มัน เผือก หรือโดนัท หากถวายเป็นของใช้ ให้เลือกของที่มีความโปร่งหรือใสอย่างเช่น แจกันหรือแก้วน้ำ หากไหว้พระให้ไหว้ปางห้ามญาติ นอกจากนี้ยังต้องทำจิตใจให้สดชื่นอยู่เสมอ อย่าตกอยู่ภายใต้ความวิตกกังวลจนเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือกับสตรีจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้ดี 

วันอังคาร ให้ถวายของคาวประเภทเส้นอย่างเช่น ขนมจีนหรือบะหมี่ ของหวานก็ให้เป็นเส้นเช่นเดียวกันอย่างเช่น ฝอยทองหรือลอดช่อง ของใช้ที่จะนำเอาไปถวายพระให้เลือกเป็นของที่ทำมาจากเหล็กอย่างเช่น กรรไกร พัดลม หรือกรรไกรตัดเล็บ ไหว้พระปางไสยาสน์ ทำทานให้กับผู้พิการทางปากอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่หรือผู้ป่วยโรคลมชัก เป็นต้น 

วันพุธกลางวัน ให้ถวายอาหารคาวประเภทเนื้อหมูอย่างเช่น หมูทอดหรือหมูปิ้ง ของหวานให้เน้นสีเขียว อย่างเช่น องุ่นเขียวหรือขนมเปียกปูนเขียว ไหว้พระปางอุ้มบาตร ทำทานให้กับผู้พิการหูหนวกหรือผู้ป่วยโรคสมองอย่างเช่น อัลไซเมอร์หรือหลอดเลือดสมอง 

วันพุธกลางคืน ของคาวให้ถวายของหมักดองอย่างเช่น อาหารกระป๋อง หมูยอหรือไข่เยี่ยวม้า เช่นเดียวกับของหวานควรถวาย ข้าวหมาก ข้าวเหนียวดำ หรือจะเป็นผลไม้ที่มีหัวโตอย่าง ทุเรียนหรือแตงโม ก็ได้เช่นเดียวกัน ของใช้ถวายพระให้เน้นความร่มเย็นอย่างเช่น พัดลมหรือยาลม ยาหอม ไหว้พระปางป่าเลไลย์ ทำทานกับหน่วยงานหรือมูลนิธิที่ช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด

วันพฤหัสบดี ของคาวให้ถวายเป็นพวกประเภทเถาอย่างเช่น น้ำเต้าหรือแกงเลียง อาหารหวานให้เน้นผลไม้ที่มีน้ำอย่างเช่น แตงโม สาลี่หรือส้ม ของใช้ถวายพระควรเป็นของใช้อย่างเช่น จีวร สบง หรือหนังสือธรรมะ ไหว้พระปางสมาธิ ทำบุญทำทานกับโรงพยาบาลสงฆ์ จะให้เป็นเงินหรือข้าวของเครื่องใช้ก็ได้เช่นเดียวกัน 

วันศุกร์ ของคาวให้ถวายของที่มีความหอมอย่างเช่น ข้าวหอมมะลิหรือผักกาดหอม ของหวานก็เช่นเดียวกันอย่างเช่น ผลไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือน้ำเก๊กฮวย ของใช้ถวายพระควรถวายเป็นของใช้ที่มีประโยชน์อย่างเช่น นาฬิกา ย่ามหรือโต๊ะรับแขก ไหว้พระปางรำพึง ให้ทำทานกับคนด้อยโอกาสโดยเฉพาะเด็ก หากทำทานด้วยของหวานก็จะยิ่งเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากขึ้นกว่าเดิม 

วันเสาร์ ให้ตักบาตรทำบุญอาหารคาวเป็นพวกของขมอย่างเช่น มะเขือยาวหรือมะระยัดไส้ ของหวานพวกโอเลี้ยงหรือกาแฟดำ ของถวายพระให้เลือกของสีดำอย่างเช่น ร่มดำหรือกระเบื้องสำหรับมุงหลังคา ไหว้พระปางนาคปรก ทำทานกับโรงพยาบาลโรคประสาทหรือโรคจิตเวช สวดมนต์ด้วยบท โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ เป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความโชคดีได้ 

วันอาทิตย์ สามารถเสริมดวงได้ด้วยการทำบุญอาหารคาวที่ทำมาจากไข่อย่างเช่น ไข่เจียวหรือไข่ดาว ของหวานให้ถวายเป็น บัวลอยไข่หวาน มะพร้าวแก้ว ขนมกะทิหรือน้ำขิง ของใช้ถวายพระนั้นให้เลือกอุปกรณ์ให้แสงสว่างอย่างเช่น เทียนหรือไฟฉาย รวมไปถึงหมากพลู ให้ไหว้พระปางถวายเนตร ทำทานเติมตะเกียงตามวัด ช่วยเหลือคนตาบอด บริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลหรือมูลนิธิที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้

ทำบุญวันเกิดต้องปฏิบัติตัวอย่างไรไปดูกัน 

วันเกิดนั้นนับเป็นวันที่มีความสำคัญเพราะถือเป็นวันที่เราได้กำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ การทำบุญวันเกิดนอกจากจะเป็นการให้ของให้ทานหรือการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีวิธีการประพฤติปฏิบัติตัวที่จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วยอย่างเช่น การทำทานโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการให้สิ่งของแก่ผู้ยากไร้หรือแม้แต่การไถ่ชีวิตสัตว์ซึ่งจะได้บุญสูงมาก ต้องไม่ยึดติดกับวัตถุ ทำจิตใจให้สงบ เข้าไปฟังเทศน์ ฟังธรรม หากจะต้องร่วมงานวันเกิดผู้ใหญ่ให้อวยพรด้วยคำที่เหมาะสม โดยอ้างคุณพระศรีรัตนตรัยก่อนแล้วค่อยอวยพรตาม ผู้ใหญ่ที่อวยพรวันเกิดให้กับเด็กก็ให้ใช้คำที่เป็นมงคล ไม่จำเป็นที่จะต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากมายในการทำบุญเนื่องในวันเกิดแต่อย่างใด ขอเพียงแค่ทำตามกำลังทรัพย์และไม่เบียดเบียนผู้อื่นรวมไปถึงตัวเองก็ได้บุญกุศลแล้ว 

อานิสงส์ที่เราจะได้รับจากการทำบุญวันเกิด ได้มีปรากฏอยู่ในข้อเขียนพระไตรปิฎกพุทธสุภาษิตเล่มที่ 15 กล่าวว่า ผู้ให้อาหารเป็นการให้กำลัง ผู้ให้ผ้าเป็นการให้ผิวพรรณ ผู้ให้ทานเป็นการให้ความสุข ผู้ให้ประทีปก็เหมือนกับการให้ดวงตา และยังมีคำกล่าวในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 กล่าวว่า ผู้ที่ให้สิ่งน่าพึงพอใจย่อมได้รับสิ่งที่น่าพึงพอใจกลับมา ผู้ให้สิ่งที่เลิศย่อมได้รับสิ่งที่เลิศกลับมา ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐก็ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐกลับมา