พุทธคุณแห่งน้ำมนต์ คติความเชื่อที่สืบทอดมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

by saimu
0 comment
น้ำมนต์

น้ำมนต์ หรือ น้ำมนตร์ คือน้ำที่เสกเพื่อใช้อาบ กิน หรือ ประพรม เป็นต้น เชื่อกันว่าเป็นน้ำที่มงคล พบเห็นได้ทั่วไปในหลายศาสนาเช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาฮินดู เป็นต้น ปกติจะเป็นน้ำที่ผ่านการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ในงานพิธีมงคลต่าง ๆ หรือการเสกของพระภิกษุ ในขณะที่คติความเชื่อของคนในวงการพระเครื่อง เชื่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ทุกโรค และเป็นเครื่องป้องกันภัยอันตรายและประสิทธิ์ประสาทความเจริญ ของวิเศษชนิดนี้จะเป็นอย่างไร สายมู.com จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน ไปติดตามกันได้เลย

วิธีการทำน้ำมนต์ทั่วไป

1. พระสงฆ์สวดพระปริตรที่ไหนก็จะต้องตั้งบาตรพระ หม้อน้ำ และขัน

2. เทียนจุดติดไว้ที่บาตรพระ หม้อน้ำ และขัน ผูกด้วยสายสิญจน์โยงมาให้พระถือเวลาสวดพระปริตร

3. เมื่อพระสงฆ์สวด “รตนสูตร” ถึงบทว่า “ขีณัง ปุราณัง” พระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าก็จะปลดเทียนมาเวียนปากบาตรพระ หม้อน้ำ และขันแล้วหยดขี้ผึ้งลงในน้ำ

4. เมื่อถึงบทว่า “นิพพันติ ธีรา ยถายัมปทีโป” ก็จะเอาเทียนจุ่มน้ำในบาตรพระ หม้อน้ำ และขันให้ไฟดับทันทีแล้วปิดฝาครอบ

อุปกรณ์การทำ

1. บาตรพระ หม้อน้ำ และขันใส่น้ำประมาณครึ่งนึง

2. เทียนขี้ผึ้งสีขาว 1 เล่ม

3. สายสิญจน์

4. ใบเงินใบทอง

5. “หญ้าคาถือว่าเป็นหญ้ามงคล” ที่มัดเป็นกำแล้วตัดปลายและรากทิ้ง ยาวประมาณ 1 ศอก แต่หากหาหญ้าคาไม่ได้ สามารถใช้ใบมะยมแทนกันได้

น้ำมนต์

คาถาที่ใช้ในการสวดมีด้วยกัน 3 แบบ

1. ถ้านำมาใช้เพื่อความเป็นสิริมงคลหรือป้องกันอันตรายก็เรียกว่า “มนต์” ที่กลายมาเป็น “พุทธมนต์” หรือ “น้ำมนต์” 

2. ถ้านำมารดอาบเพื่อขจัดสิ่งมลทินก็เรียกว่า “เสกมนต์” ซึ่งเป็นลักษณะของการร่ายมนต์หรือบริกรรมคาถา

3. ในพราหมณ์ เสกด้วยการอัญเชิญเทพและสาธยายมนต์ เรียกว่าน้ำเทพมนต์ ปกติน้ำเทพมนต์ จะทำถวายพระมหากษัตริย์ แต่ในการทำพิธีพราหมณ์ก็มีการใช้น้ำเทพมนต์เช่นกัน

ตัวอย่าง 5 แห่ง 5 จังหวัด น้ำศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย

1. สิงห์บุรี สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น 

พระอาจารย์ธรรมโชติ ผู้ซึ่งเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของเหล่านักรบแห่งค่ายบางระจัน ได้เสกน้ำมนต์ใส่ในสระแห่งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ชาวบ้านบางระจัน ให้นำไปประพรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวก่อนออกไปสู้รบกับข้าศึก น้ำในสระจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน

น้ำมนต์

2. พระนครศรีอยุธยา น้ำภายในพระเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ 

นับว่าแปลกว่าจังหวัดอื่น ๆ สำหรับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ พระเศียรของหลวงพ่อทำขึ้นจากโลหะอาถรรพณ์หลายชนิดที่มีธาตุกายสิทธิ์คือ “เหล็กไหลเปียก” ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถดูดความชื้นในอากาศให้มารวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำได้ ชาวบ้านต่างเชื่อสืบต่อกันมาว่าน้ำในพระเศียรนี้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์

3. น่าน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดสวนตาล

เรียกว่าบ่อน้ำทิพย์ โดยบ่อแห่งนี้ขุดขึ้นเพื่อนำน้ำมาใช้ในการสร้างพระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่งดงามในวิหารของวัดสวนตาล บ่อน้ำแห่งนี้อยู่ในตำแหน่งที่สายพระเนตรของพระเจ้าทองทิพย์ทอดถึง

4. นครพนม บ่อน้ำพระอินทร์

ในอดีตชาวบ้านต่างมาร่วมกันก่อสร้างองค์พระธาตุพนมเป็นจำนวนมาก ในระหว่างการก่อสร้างได้ขุดบ่อขึ้นมาทั้ง 4 ทิศ คือทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศเหนือ เนื่องจากต้องใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ปัจจุบันได้ปิดบ่ออีก 3 บ่อไป เหลือเพียงบ่อทางทิศเหนือคือ บ่อน้ำพระอินทร์แห่งนี้ เป็นบ่อน้ำจืดใสสะอาด มีน้ำตลอดทั้งปี

5. สุราษฎร์ธานี วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

วัดเก่าแก่และสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระบรมธาตุไชยาฯ เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย อายุประมาณ 1,200–1,300 ปี

You may also like

Leave a Comment