ทำความรู้จักกับโรสควอตซ์ อัญมณีแห่งความรักและการให้อภัย

by saimu
0 comment
โรสควอตซ์

ในกลุ่มวัยรุ่นแล้ว อัญมณีหรือหินสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นทีคงจะหนีไม่พ้น โรสควอตซ์ อัญมณีแห่งความรักและการให้อภัย เนื่องจากมันมีสีชมพูใสโปร่งแสงที่ดูน่ารักและสวยงาม เหมาะสำหรับการสวมใส่เป็นเครื่องประดับในชีวิตประจำวัน สวมใส่แล้วไม่ทำให้ดูสูงอายุจนเกินไปด้วย และหากเทียบกันแล้ว อัญมณีชนิดนี้มีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมวัยรุ่นสายมูจึงชื่นชอบอัญมณีชนิดนี้เป็นพิเศษ สำหรับใครที่สนใจ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอัญมณีชนิดนี้กัน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

โรสควอตซ์ อัญมณีสีชมพู

โรสควอตซ์

โรสควอตซ์ หินนำโชคที่มีตั้งแต่สีชมพูอ่อนไปจนถึงสีชมพูเข้ม มันอาจจะยังไม่ถึงขั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีความเชื่อว่ามันจะช่วยส่งเสริมเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ มิตรภาพ และการให้อภัยได้ ราคาค่อนข้างเป็นมิตร เนื่องจากสามารถพบได้ในปริมาณมากบนหลายพื้นที่ทั่วโลก 

นอกจากนี้มักจะเกิดขึ้นมาเป็นก้อนที่มีขนาดใหญ่ ถือกำเนิดขึ้นในลักษณะระนาบเปิดในกลุ่มสายแร่น้ำร้อนและเพกมาไทต์ สีชมพูของโรสควอตซ์เกิดจากการรวมกันของแร่ดูมอร์ทิเออไรต์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นมลทินชนิดสีชมพู แต่มันกลับทำให้อัญมณีชนิดนี้ดูสวยงามน่ารักและมีความโปร่งแสงแทนที่จะโปร่งใส 

ส่วนอัญมณีสีชมพูโปรโปร่งใสนั้นจะมีอีกชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ควอตซ์สีชมพู นอกจากนี้โรสควอตซ์ยังมีความสำคัญถึงขั้นที่ถูกกำหนดให้เป็นอัญมณีประจำรัฐเซาต์ ดาโกตาของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ในปี 1966 เลยทีเดียว

โรสควอตซ์

ตามข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีระบุว่า สีชมพูของโรสควอตซ์เกิดมาจากธาตุไทเทเนียม เหล็ก และแมงกานีส มีข้อมูลวิชาการเขียนมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ 100 ปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าเส้นหรือเข็มเล็ก ๆ จากแร่รูไทล์สีชมพู ซึ่งเป็นผลึกที่อยู่ด้านในอัญมณีอีกทีหนึ่ง เป็นตัวที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์รูปสาแหรกขึ้นมา 

เข้าสู่ยุค 90 ได้มีการทดลองเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสร้างเส้นใยดังกล่าว วิธีการคือนำเอาผลึกอัญมณีจากหลายพื้นที่ทั่วโลกมาละลายด้วยกรดไฮโดรฟลูออลิกหรือกรดกัดแก้ว ที่อุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดซิลิคอนไดออกไซด์รวมถึงสารประกอบอื่นที่จะละลายในกรดอุณหภูมิสูง  

ผลการศึกษาในครั้งนี้พบว่า เมื่อทำละลายส่วนประกอบอื่น ๆ ในโรสควอตซ์ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นใยสีชมพูยังคงอยู่เหมือนเดิม และมีการพบกับเส้นใยขนาดเล็กแบบนาโนสีชมพูด้วย เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีขนาดเล็กเพียง 0.1 ไมครอนเท่านั้น 

มีการทดสอบด้วยกล้องมากมายทั้งกล้องอินฟาเรด กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ทดสอบการดูดกลืนแสง กล้องสเปกโตรสโกปี จนสุดท้ายก็ค้นพบว่า เส้นใยที่ยังคงเหลืออยู่นั้นเป็นผลึกบอโรซิลิเกต คุณสมบัติของมันใกล้เคียงกับแรดูมอร์ทิเออไรต์

นักวิจัยจึงเชื่อว่าสาแหรกและสีชมพูที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของโรสควอตซ์ เกิดมาจากเส้นใยสีชมพูเหล่านี้ ที่มีการตั้งชื่อใหม่ในภายหลังว่า ดีดี้ดูมอร์ทิเออไรต์ ผลึกเหล่านี้มีขนาดเล็กมากและไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นใย ในปัจจุบันผู้คนจึงใช้วิธีการดังกล่าวในการแยกความแตกต่าง ระหว่างอัญมณีแต่ละประเภทที่มีสีชมพูเหมือนกัน นั่นเอง 

ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรสควอตซ์ในแต่ละอารยธรรม

โรสควอตซ์

โรสควอตซ์ ในสมัยโบราณแทบจะไม่ต่างจากของขลังด้านความรัก มันถูกขนานนามว่าหินแห่งหัวใจและใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักมาอย่างยาวนานร่วม 600 ปีก่อนคริสตกาล ช่วยปรับเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์ ดึงดูดความรักอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความสัมพันธ์มีความโรแมนติก เพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมกันทั้งในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือระหว่างคนรัก และยังช่วยให้คนแต่ละกลุ่มสามารถเชื่อมต่อกันอย่างสนิทชิดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม

ชาวอียิปต์เชื่อว่าโรสควอตซ์ไม่ได้เพียงแค่ช่วยเสริมเรื่องความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังมีพลังอำนาจเรื่องความสวยความงามอีกด้วย ชาวอียิปต์โบราณจึงใช้มันในการตกแต่งผิว นำเอามาแกะสลักเป็นหน้ากากฝังลงไปพร้อมกับหลุมฝังศพ 

ทั้งชาวอียิปต์และชาวโรมันใช้มันสำหรับการชำระล้างผิว เนื่องจากเชื่อว่าสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ ในวัฒนธรรมทิเบตมันเป็นหินที่ผ่านการยกย่องจนถูกนำเอามาใช้แกะสลักสิ่งสำคัญอยู่หลายครั้ง จนอารยธรรมดังกล่าวแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศจีน 

ตามตำนานกรีกระบุว่า โรสควอตซ์เป็นอัญมณีที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนรักของเทพเจ้ากรีกและโรมันอย่าง อโฟไดรต์ ที่มีชื่อว่า อะโดนิสต์ หลังจากอะโดนิสต์ถูกเทพเจ้าอาเรส เทพเจ้าหมูป่าแห่งสงครามโจมตี อโฟไดรต์ก็เข้าไปช่วยเหลือคนรักจากการถูกทำร้ายจนเป็นแผล 

เลือดได้กระเด็นไปโดนหินสีขาวเข้า ทำให้จากควอตซ์สีขาวกลายเป็นสีชมพูแทน และในยุคโบราณยังเชื่ออีกด้วยว่า เมื่อแสงสีของมันจะจางหายไปและต้องการให้กลับคืนมาเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ต้องนำเอาไปวางไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง พ่อมดจากออสเตรเลียยังใช้มันในการทำพิธีปลุกเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ครอบจักรวาลที่ช่วยบำรุงร่างกาย ให้หายจากอาการป่วย และใช้เป็นยาแก้พิษได้ 

โรสควอตซ์ หินที่ช่วยได้ทั้งเสริมความเป็นสิริมงคลและปรับฮวงจุ้ย

โรสควอตซ์

โรสควอตซ์เป็นหินแห่งความรัก ดังนั้นมันจึงได้รับความนิยมในฐานะเครื่องรางมากกว่าอัญมณีเพื่อความสวยงามธรรมดา ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนรักให้มีความโรแมนติกและแน่นแฟ้นมากขึ้น บางคนวางก้อนหินรูปหัวใจไว้บนแท่นบูชา จุดเทียนสีชมพูอ่อน 

จากนั้นก็วางรูปภาพของคนรักคู่กับตัวเองไว้ด้านบน ว่ากันว่าจะช่วยให้รักกันดี บางคนวางเอาไว้บนหัวเตียงหรือบริเวณที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นความสามัคคี ทำให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และยังทำให้เกิดความรักแบบไม่มีเงื่อนไข 

โรสควอตซ์ยังจัดเป็นหินแห่งความเป็นแม่ สำหรับใครที่ต้องสูญเสียแม่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเยียวยาจิตใจจากความสูญเสียนั้น ช่วยให้เกิดสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างบุคคล สตรีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่สามารถวางไว้บนท้องขณะที่ตั้งครรภ์อยู่เพื่อกระตุ้นความผูกพันระหว่างแม่ลูก เวลาไปโรงพยาบาลก็วางหินเอาไว้ใกล้ทารกในช่วงตั้งแต่ก่อนคลอดจนถึงหลังคลอด

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังช่วยในเรื่องการทำสมาธิ ก่อให้เกิดพลังงานเงียบสงบและรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาอาการชอกช้ำจิตใจ ช่วยให้ใจเย็นเวลาเผชิญกับวิกฤตอารมณ์ ช่วยให้ใจเย็นเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในชีวิต 

เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในตัวเองและคนรอบข้าง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นกว่าเดิม หากวางไว้บนโต๊ะทำงานก็จะช่วยสนับสนุนอาชีพที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวหรือนินทาว่าร้ายเรา 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment