พาชมวัดคินคะคุจิ มรดกโลกทางวัฒนธรรม สัญลักษณ์แห่งเกียวโต

by saimu
0 comment
วัดคินคะคุจิ

เมื่อพูดถึงเมืองเกียวโต เราก็ต้องนึกถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นในสมัยโบราณ วัดวาอารามที่สวยงามตระการตา โดยเฉพาะวัดคินคะคุจิหรือวัดทอง ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ของอาคารหลักศาลาคินคะคุจิที่ประดับด้วยทองคำเปลวอร่าม สะท้อนเงาบนผิวน้ำในสระอย่างงดงาม เปรียบเสมือนดั่งภาพวาดที่ถ่ายทอดความงดงามของงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ย้อนอดีตสู่ยุคโชกุน ตำนานของวัดคินคะคุจิ พลับพลาทองใจกลางเกียวโต

วัดคินคะคุจิ

วัดคินคะคุจิ เป็นวัดสำคัญทางพระพุทธศาสนาในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หลายคนที่ได้เห็นภาพวัดแห่งนี้อาจรู้สึกคุ้นตาแปลกๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ถ้าหากคุณเกิดทันการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง คุณจะต้องคุ้นตากับภาพวัดแห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะมันคือวัดต้นแบบในการ์ตูนนั่นเอง 

วัดทอง เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของวัด วัดคินคะคุจิ และนอกจากนี้ยังชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดโรคุออนจิ พุทธสถานแห่งนี้เป็นวัดพุทธนิกายเซนของสำนักรินไซ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเกียวโต ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ทั้งในกลุ่มชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติไปเรียบร้อยแล้ว

วัดคินคะคุจิ

จุดเริ่มต้นของวัดคินคะคุจิ เริ่มต้นขึ้นในสมัยของโชกุนอาชิคางนะ โยชิมิตซึ ที่ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักตากอากาศตั้งแต่ปี 1397 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 130,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ถูกปิดด้วยทองคำเปลวจนกลายเป็นสีทองอร่ามไปทั่วทั้งหลัง 

หลังจากที่โชกุนอาชิคางนะ โยชิมิตซึ ถึงแก่กรรม บ้านพักตากอากาศก็ได้กลายมาเป็นวัดพุทธนิกายเซ็นตามประสงค์ของภรรยาโชกุน เพราะสีทองที่ถูกเคลือบไว้บนตัวอาคาร ถูกทำขึ้นเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ และในหอพระชั้น 2 ยังใช้บูชาคันนง ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาอีกด้วย

ที่สำคัญในแต่ละชั้นของปราสาททองที่เราเห็นกันอยู่นี้ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามและโดดเด่น ชั้นที่ 1 เป็นงานสถาปัตยกรรมชินเด็น-ซุคุริ ได้รับความนิยมในกลุ่มขุนนางชั้นสูงยุคเฮอัน มีความหรูหราและดูยิ่งใหญ่อลังการ 

ชั้นที่ 2 เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบบุเกะ-ซุคุริ เป็นการออกแบบตามรูปแบบของบ้านพักนักรบซามูไรระดับสูงในยุคคามาคุระ และชั้นสุดท้ายเป็นงานสถาปัตยกรรมแบบเซ็นจากประเทศจีน หลังคาจึงถูกออกแบบมาในรูปทรงพีระมิด หลังคามุงด้วยไม้

สัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่วัดคินคะคุจิ

วัดคินคะคุจิ

มาถึงสถานที่สำคัญของเมืองเกียวโตอย่างวัดคินคะคุจิทั้งที ต้องเข้าเยี่ยมชมให้ทั่วบริเวณ เพราะอันที่จริงแล้ววัดแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ปราสาททองเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่อื่น ๆ ให้ได้เข้าไปสัมผัสเช่นกัน สวนที่อยู่โดยรอบที่มีความสวยงาม อีกทั้งยังมีสระน้ำกระจกหรือสระเคียวโกะชิ สระที่สะท้อนภาพของปราสาททองได้อย่างสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย 

วัดคินคะคุจินั้นอาจเป็นวัดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ สักเท่าไหร่ แต่จะโดดเด่นในแง่ของความสวยงามทางสถาปัตยกรรมเสียมากกว่า ยิ่งใครไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บอกเลยว่าสวยงามสุด ๆ บริเวณใกล้เคียงจะมีสะพานโทเก็ตสึเคียวและเส้นทางป่าไผ่ให้เราได้เดินไปเยี่ยมชม 

หลังจากที่เราผ่านประตูเข้ามาแล้วก็จะเจอเข้ากับหอระฆังอยู่ฝั่งซ้ายมือ แต่ถ้าใครอยากรับชมความสวยงามของปราสาททองจะต้องเดินตรงเข้าไปอีกเล็กน้อย ผ่านโซนสำหรับซื้อตั๋วเข้าชม

จุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมจะอยู่บริเวณริมสระน้ำที่มองเห็นทั้งปราสาท เงาสะท้อน และภูมิทัศน์ป่าเขียวชอุ่มได้เป็นอย่างดี พื้นที่ใกล้เคียงกันจะมีร้านขายของทั้งอาหารและของฝากที่ระลึกเรียงรายกันอยู่

สำหรับใครเป็นสายมู หากเดินตามทางไปเรื่อย ๆ จะพบเข้ากับ ศาลาฟุโด-โด ด้านหน้าจะมีกล่องสำหรับโยนเหรียญและขอพร เมื่อเราโยนเหรียญเข้าแล้วก็ให้สั่นกระดิ่งเพื่อขอพรได้เลย แถมยังมีจุดบริการให้จุดธูปเทียนกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

เปิดคู่มือการเดินทางท่องเที่ยววัดคินคะคุจิ ข้อมูลครบ จบในที่เดียว

วัดคินคะคุจิ

วัดคินคะคุจิได้รับการยกย่องให้เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญไม่แพ้กับสถานที่แห่งอื่นในเมืองเกียวโตเลยแม้แต่น้อย เมื่อปี 1994 ทางยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนวัดแห่งนี้ให้เป็นมรดกโลก แม้ว่าโครงสร้างดั้งเดิมจะถูกไฟไหม้ตั้งแต่ปี 1950 และมีการบูรณะใหม่ในปี 1955 ก็ตาม

นอกจากวัดคินคะคุจิจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว บริเวณใกล้เคียงกันก็ยังมีมรดกโลกอื่น ๆ อีกมากมายให้คุณได้ลองไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น วัดเรียวอันจิ วัดกินคาคุจิ และวัดเท็นริวจิ แต่อย่าเพิ่งไปเที่ยวที่อื่น เพราะวัดแห่งนี้เปิดทำการเฉพาะ 9:00 น. ถึง 17:00 น. เท่านั้น 

ใครอยากไปเที่ยวต้องเตรียมค่าเข้าด้วย ผู้ใหญ่เริ่มตั้งแต่เด็กมัธยมปลายขึ้นไปมีค่าเข้าชม 400 เยน สำหรับเด็กมีค่าเข้าชม 300 เยน

วิธีการเดินทางสามารถเดินทางได้ด้วยรถบัสผ่านป้าย Kyoto City Bus สาย 12, 59, 101, 102, 111, 204, 205 เดินทางมาลงที่ป้าย Kinkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาทีก็จะเห็นตัววัด หรือถ้านั่งมาจากสถานีเกียวโต ให้นั่งรถบัสสาย 205 ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เหมือนกัน ในปัจจุบันป้าย Kinkakuji-mae ได้ถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่เดินทางครั้งแรกอาจเกิดความสับสนได้

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment