วัดพระแก้ว วัดที่สวยงามจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ 

ในประเทศไทยของเรานั้นเต็มไปด้วยวัดวาอารามมากมาย จากการที่เราเป็นเมืองพุทธและความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และวัดพระแก้ว ก็ถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญวัดแห่งนี้คือวัดหลวงที่มักจะใช้ในการประกอบราชพิธีที่สำคัญมากมาย แต่เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักกับวัดพระแก้ว วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวัดที่มีความสำคัญแห่งนี้กัน วัดแห่งนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

เปิดประวัติความเป็นมาของวัดพระแก้ว วัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย

วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จัดเป็นวัดสำคัญในประเทศไทย ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันที่มีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นเมืองหลวงของไทยเมื่อปี 2325 รัชสมัยของรัชกาลที่ 1 ดังนั้นวัดแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกันกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่ตั้งอยู่ในมหาราชวังช่วงยุคกรุงศรีอยุธยา 

วัดพระแก้วถูกสร้างขึ้นมาตามประเพณีการสร้างอารามหลวงในราชวัง ที่ถูกสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่มีการสร้างวัดมหาธาตุขึ้นในพระบรมมหาราชวัง วัดเหล่านี้มีความแตกต่างจากวัดปกติทั่วไปตรงที่ไม่มีเขตสังฆาวาส 

แรกเริ่มเดิมทีมีเพียงแค่พระอุโบสถ พระเจดีย์ หอพระมณเฑียร พระวิหาร และหอไตรเท่านั้น ร่วมทศวรรษให้หลังก็เริ่มมีการก่อสร้างต่อเติมให้ใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการสร้างพระมณฑปขึ้นมาแทนหอพระมณเฑียรหลังเก่า 

จากนั้นก็มีการสร้างหอพระมณเฑียรขึ้นมาในที่ใหม่แทน และยังมีการก่อสร้างหอระฆังที่ตั้งอยู่ระหว่างระเบียงด้านใต้และพระอุโบสถอีกด้วย หอดังกล่าวมาพร้อมกับตำนานเนื่องจากมันถูกขุดพบขณะที่กำลังปฏิสังขรณ์วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร นั่นเอง 

ไม่เพียงเท่านั้นรัชกาลที่ 1 ยังโปรดเกล้าฯ ให้มีการก่อสร้างหอพระนากขึ้นบริเวณระเบียงทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดพระแก้ว มีการสถาปนาสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายภายในวัด จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2352 ก็ได้มีการฉลองวัดแห่งนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยจัดเป็นงานที่ยิ่งใหญ่น่าตื่นตาตื่นใจ 

เข้าสู่ยุครัชกาลที่ 3 มาจนถึงรัชกาลที่ 5 ก็ได้มีการปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้มาโดยตลอด เพราะเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญกับประเทศเป็นอย่างมาก และยังมีการกำหนดให้ปฏิสังขรณ์เป็นประจำทุก 50 ปี ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ซ่อมแซมส่วนเดิมที่ได้รับความเสียหาย แต่ยังมีการสร้างสิ่งใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วย 

อย่างเช่น ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ทรงโปรดให้ปั้นรูปยักษ์ 6 คู่ เก๋งบอกพระปริยัติธรรม จิตรกรรมฝาผนัง พระพุทธรูปฉลองพระองค์ของรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 มณฑปยอดปรางค์ หอพักคันธารราษฎร์ และยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลในยุครัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 อีกด้วย

เข้าสู่ยุครัชกาลที่ 6 ก็ได้มีการโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาทขึ้นมาในพระบรมมหาราชวัง เพื่อใช้ในการประดิษฐานพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งหมด 5 รัชกาล มาประดิษฐานในพระพุทธปรางค์ปราสาท โดยพระราชทานชื่อใหม่ว่าเป็นปราสาทพระเทพบิดรในปี 2461 

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 ถึงรัชกาลที่ 9 ก็ยังคงมีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดตลอดมา จนกระทั่งในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ก็ได้มีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี รัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการซ่อมแซมภาคจิตรกรรมฝาผนังโดยรักษาของเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จก่อนการฉลองในปี 2525 

ประวัติของพระแก้วมรกต 

วัดพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มีความเชื่อว่าถูกแกะสลักขึ้นมาจากหยกอ่อนที่มีสีเขียวเหมือนกับมรกต เป็นศิลปะที่ผสมผสานกันในยุคสมัยเชียงแสน 

สันนิษฐานกันว่าพบครั้งแรกในเจดีย์วัดป่ายะที่ตั้งอยู่ในเมืองเชียงราย หรือวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงรายในปัจจุบันนั่นเอง พระเจ้าสามฝั่งแกนจากเมืองเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ช้างที่ใช้บรรทุกมานั้นกลับเดินทางมาหยุดอยู่ที่จังหวัดลำปางแทน

เจ้าเมืองเชียงใหม่มองว่าลำปางเองก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรล้านนา ดังนั้นจึงมีการอัญเชิญองค์พระไปประดิษฐานในวัดพระแก้วดอนเต้า ชาวลำปางได้มีโอกาสกราบไหว้อยู่นานก่อนที่พระเจ้าติโลกราชจะได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาถึงจังหวัดเชียงใหม่ 

แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันเมื่อพระไชยเชษฐาจากล้านช้าง ได้เข้ามาครอบครองเมืองเชียงใหม่ จึงได้เชิญพระแก้วมรกตกลับไปยังหลวงพระบางด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ แม้ว่าสุดท้ายเชียงใหม่จะสามารถเอาพระพุทธสิหิงค์ขึ้นมาได้สำเร็จ แต่ต่อมาอาณาจักรล้านช้างก็ได้ย้ายเมืองหลวงมาเป็นเวียงจันทน์แทนหลวงพระบาง และอัญเชิญพระแก้วมรกตไปไกลขึ้นกว่าเดิม

ต้องรอจนถึงยุคของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชหลังจากสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ จึงได้มีการอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนมาและประดิษฐานเอาไว้ในวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของราชวงศ์จักรีองค์แรก ท่านก็ได้อัญเชิญพระแก้วลงเรือพระที่นั่งมาประดิษฐานที่วัดพระแก้วและอยู่ที่นั่นมาจนถึงปัจจุบัน

รวมสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางไปเที่ยววัดพระแก้ว

สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวชมวัดพระแก้ว ก็มีสถานที่สำคัญที่ทุกคนไม่ควรพลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถที่รายล้อมไปด้วยกำแพงแก้ว ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 1 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยรอบมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์เกี่ยวกับพุทธประวัติมากมาย 

หรือจะเยี่ยมชมพระศรีรัตนเจดีย์ เจดีย์ทรงลังกาที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในปี 2398 ตามแบบของพระมหาเจดีย์ที่ตั้งอยู่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา มีหอพงศานุสรณ์และหอราชกรมานุสรณ์ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปของแต่ละรัชกาลตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ 

ปราสาทพระเทพบิดรในวัดพระแก้ว ที่ประดิษฐานของรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ธิราชเจ้าในราชวงศ์จักรีทั้ง 5 พระองค์ และสุดท้ายคือพิพิธภัณฑ์วัดที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 4 เดิมทีใช้เป็นโรงกษาปณ์เพื่อผลิตเงิน ต่อมาในปี 2525 ก็ได้มีการบูรณะและเปลี่ยนแปลงสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมวัตถุสำคัญแทน 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com