ว่านจั๊กจั่น ของขลังสุดอันตรายที่เคยทำให้คนตายมาแล้ว

สิ่งของบางสิ่งบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างวิทยาศาสตร์และความเชื่อ อย่างว่านจั๊กจั่นที่ทางวิทยาศาสตร์นั้นระบุว่า เป็นเพียงเชื้อราที่ขึ้นบนตัวจั๊กจั่นหลังจากที่พวกมันตายไปแล้ว แต่ในทางด้านความเชื่อนั้นถือได้ว่าเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเครื่องรางของขลังชนิดนี้กัน มันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ไปติดตามพร้อมกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ทำความรู้จักกับว่านจั๊กจั่น ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กลายมาเป็นความเชื่อ

ว่านจั๊กจั่น มีอีกชื่อหนึ่งว่า พญาว่านต่อเงินต่อทอง เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า มีคนรับประทานเข้าไปจนทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยด่วน และเคยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันมาแล้ว 

ว่ากันว่า ว่านจั๊กจั่น เป็นกึ่งพืชกึ่งสัตว์มงคล จัดอยู่ในประเภทเดียวกับมักกะลีผลในป่าหิมพานต์ ถือว่าเป็นของหายากและมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กับว่านชนิดอื่นเลย และนอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าสามารถเสริมดวงให้กับผู้ที่บูชาและครอบครองได้ หากมีความศรัทธามากพอ ก็จะนำพาสิ่งมงคลต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต

นอกจากนี้หลายคนยังเชื่อว่า ว่านจั๊กจั่นสามารถใช้รักษาโรคได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับหลักวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน ทำเอาแพทย์หลายคนต้องออกมาเตือนประชาชนว่าห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด 

หลายคนนับถือบูชาเป็นเครื่องรางและมีการพกติดตัวกันเลยทีเดียว ผู้คนที่บูชาหลายคนได้บอกเล่ากันแบบปากต่อปากว่า หากพกใส่กรอบห้อยคอไปทำงานอยู่เป็นประจำ จะช่วยให้การเจรจาต่อรองหรือการพูดคุยประสานงานกับลูกค้าประสบผลสำเร็จอย่างราบรื่น

การถือกำเนิดของว่านจักจั่นตามหลักวิทยาศาสตร์

ว่านจั๊กจั่นอาจเป็นเครื่องรางของขลังของใครหลาย ๆ คน แต่ในขณะเดียวกันอีกหลายคนก็มองว่าเป็นเรื่องงมงาย เนื่องจากการถือกำเนิดขึ้นของว่านดังกล่าวมีคำอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ลักษณะของว่านจะเป็นตัวแมลงจั๊กจั่นที่มีหงอนเป็นจะงอยงอกขึ้นมาบริเวณส่วนหัว 

ลักษณะคล้ายกับเห็ดเข็มทองแต่ดูหนาและแข็งแรงกว่า บริเวณโคนจะเป็นก้านสีขาวเพียงก้านเดียว บริเวณปลายจะแตกกิ่งก้านสาขาออกมา บริเวณปลายจะเป็นทรงหมวกคล้ายกับเห็ดสีออกแดง ๆ

หากพบเจอว่านจั๊กจั่นตามธรรมชาติ จะเห็นเฉพาะส่วนบนที่เป็นเห็ดงอกขึ้นมาบนดินเท่านั้น ส่วนตัวจั๊กจั่นจะฝังตัวเองอยู่ใต้ดิน ทำให้มันเป็นของที่หาได้ยาก ในทางวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้คนเชื่อไม่น้อย เพราะว่านดังกล่าวเกิดจากตัวอ่อนจักจั่นที่ฝังตัวอยู่ในดิน พยายามไต่ขึ้นมาบริเวณผิวดินเพื่อลอกคราบและเจริญเติบโตกลายเป็นจั๊กจั่นที่โตเต็มวัย 

ซึ่งในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่แมลงอ่อนแอมากที่สุด เมื่อประกอบเข้ากับความชื้นสูงที่อยู่ใต้ดิน ทำให้เชื้อราสามารถเติบโตในตัวแมลงได้ง่าย เชื้อราจะเข้าไปทำลายแมลงจากภายในก่อนจะงอกขึ้นมาสู่ภายนอก จั๊กจั่นผู้โชคร้ายจะถูกดูดน้ำและสารอาหารมีตัวไปจนหมด เพราะฉะนั้นว่านจั๊กจั่นจึงไม่จัดว่าเป็นซากพืชและซากสัตว์แต่อย่างใด แต่เป็นเชื้อรากลุ่มทำลายแมลงที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกันกับเห็ดและราทั่วไป

อันตราย ห้ามรับประทานว่านจั๊กจั่นโดยเด็ดขาด อาจตายได้

หลายคนเชื่อว่าหากนำเอาว่านจั๊กจั่นไปต้มกับน้ำแล้วดื่มเข้าไป จะช่วยให้ดวงชะตาดีขึ้นได้ ทั้งยังสามารถบรรเทาหรือรักษาอาการของโรคร้าย ที่รักษาไม่หายด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน มันจึงเป็นความหวังของผู้ป่วยระยะประคับประคอง ที่ไม่สามารถรักษาอาการป่วยของตนเองให้หายขาดได้อีกต่อไป ทำให้มีการบอกต่อ ๆ กันจนได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว

แต่จากคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ หลายคนคงพอทราบแล้วว่า ว่านจั๊กจั่นไม่ต่างอะไรจากเห็ดหรือราพิษธรรมดาทั่วไป เพราะฉะนั้นการที่เรานำเอาราไม่ทราบสายพันธุ์มาต้มน้ำกิน จึงนับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก ไม่ต้องกินด้วยซ้ำไป เพราะเรามีวิธีการขยายสายพันธุ์ด้วยการสร้างสปอร์ ปล่อยให้สปอร์ของตัวเองล่องลอยไปตามอากาศ เพียงแค่เราพกไว้เฉย ๆ ก็เป็นอันตรายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการสัมผัสหรือการกินเข้าไปเลย

นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังได้ระบุว่า ว่านจั๊กจั่นเป็นเชื้อราสายพันธุ์คอร์ไดเซฟ โซโบลิเฟอร์ ราที่ไม่สามารถบริโภคได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะบริโภคด้วยวิธีการใดก็ตาม ต่อให้ผ่านความร้อนแล้วก็ยังคงอันตราย เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียนเหมือนกับอาหารเป็นพิษ 

มีอาการชัก ร่างกายกระตุกเกร็ง ใจสั่น อ่อนแรง เวียนหัว ดวงตาพร่ามัว หลงทิศทาง และสามารถมีอาการเพ้อหรือคลั่งได้ด้วย หากรักษาไม่ทันเวลาและมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว มีโอกาสสูงมากที่จะอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อของใครหลาย ๆ คนแต่อย่างใด เพียงแต่คุณต้องบูชาว่านจั๊กจั่นอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย หากอยากพกไปไหนมาไหนก็ให้ใส่กรอบ ปิดให้สนิทมิดชิด เพื่อป้องกันสปอร์ราแพร่กระจายในอากาศ อย่ารับประทานด้วยวิธีการใดโดยเด็ดขาด เพียงเท่านี้เราก็สามารถบูชาว่านได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตแล้ว

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com