เขี้ยวเสือ ของศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากธรรมชาติ 

by saimu
0 comment
เขี้ยวเสือ

หากคุณเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในภาคเหนือ เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับ เขี้ยวเสือ ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะด้วยความเชื่อของคนภาคเหนือที่มักนิยมนำเอาเขี้ยวเสือมากลัดเอาไว้กับหมอนเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองเด็กทารกให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลาย ไม่เพียงเท่านั้นมันยังจัดเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความนิยมในการบูชาเป็นอย่างมาก แม้ว่าในช่วงหลังมานี้จะหาได้ยากก็ตาม 

เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าที่ทำให้เราไม่สามารถหาเขี้ยวเสือมาใช้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ได้อีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นก็คงมีหลายคนเลยทีเดียวที่มีไว้ในครอบครองมาตั้งแต่สมัยหลาย 10 ปีที่แล้ว วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับของศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ให้มากขึ้น 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

เปิดสาเหตุและความเป็นมา เพราะเหตุใดคนจึงบูชาเขี้ยวเสือ 

เขี้ยวเสือ

เขี้ยวเสือ นั้นจัดเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถในการคุ้มครองอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้ ในกลุ่มคนเล่นของนั้นมีความเชื่อว่า เสือ คือสัญลักษณ์ของอำนาจบารมี เป็นที่เคารพยำเกรง ดังนั้นจึงได้รับการนับถือของผู้คนในทุกพื้นที่ 

ผู้ใดก็ตามที่พกพาหรือใช้เครื่องรางที่มีความเกี่ยวข้องกับเสือ ล้วนแล้วแต่ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย เพราะเสือนั้นมีพุทธคุณที่โดดเด่นในด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด เวลาออกเดินทางไปไหนมาไหนหรือแม้แต่การเข้าป่าแล้วต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจ ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอันตรายอะไรและแคล้วคลาดปลอดภัยในที่สุด 

หากพกพาติดตัว ใส่เอาไว้ในรถยนต์ หรือห่อเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้าเวลาไปไหนมาไหนก็จะมีผู้คนเคารพยำเกรงในอำนาจ ด้วยเหตุนี้คนในพื้นที่ภาคเหนือจึงนิยมนำเอาของขลังดังกล่าวไว้ใกล้ตัวเด็กทารกที่ยังไม่สามารถปกป้องดูแลตนเองได้ 

ยังไม่รวมไปถึงเรื่องเด็กเห็นผีหรืออาการโคลิค ที่เด็กจะร้องออกมาโดยที่ไม่มีสาเหตุอีกต่างหาก เพราะมันจะช่วยคุ้มครองเด็กจากภูตผีปีศาจหรือแม่ซื้อ ให้เด็กปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ทั้งในแบบที่มองเห็นและไม่สามารถมองเห็นได้ 

เขี้ยวเสือ

สำหรับเขี้ยวเสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน” นั่นเอง เป็นของที่สร้างขึ้นมาโดยพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจหรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า หลวงพ่อปาน จากวัดมงคลโคธาวาส ชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้ว่าวัดบางเหี้ย ตั้งอยู่ในตำบลคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ

ว่ากันว่าเดิมทีสถานที่ดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยตัวเงินตัวทองเนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำกร่อย อภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปานนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากเป็นพระที่มีญาณเก่งกล้าทำให้ในยุครัชกาลที่ 5 ไม่มีใครไม่รู้จักหลวงพ่อปาน 

ของมงคลทั้งหลายที่ถูกจัดสร้างขึ้นมาโดยท่านนั้น จะเป็นที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างมากและยังคงมีผู้คนสืบหามาบูชากันจนถึงในปัจจุบัน ท่านเป็นผู้ที่มีความเคร่งในการวิปัสสนาและการออกธุดงค์ ดังนั้นจึงเป็นพระที่ผู้คนต่างเคารพนับถือไม่แพ้ใคร สำหรับกิตติศัพท์ของเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานนั้น ก็นับว่าเป็นหนึ่งในของที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเช่นเดียวกัน 

เขี้ยวเสือ

ครั้งหนึ่งเมื่อมีการก่อสร้างเขื่อนพระยาไชยานุชิตแถวคลองด่าน สำหรับกันน้ำทะเลไม่ให้ไหลมาท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา กรมชลประทานนั้นไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ในทันที เนื่องจากกระแสน้ำตีขึ้นมาตลอดและเชี่ยวกรากเป็นอย่างมาก 

หลวงพ่อเห็นแก่การบรรเทาความทุกข์ร้อนของผู้คน จึงได้เสกเขี้ยวเสือจากนั้นก็ขว้างลงไปในน้ำ หลังจากนั้นกระแสน้ำก็ได้ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนสุดท้ายกรมชลประทานก็สามารถสร้างเขื่อนได้แล้วเสร็จ 

เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานนั้นจะมีช่างแกะสลักซึ่งเป็นศิษย์ทั้งหมด 5 คน แต่ละคนก็จะมีฝีมือที่แตกต่างกันออกไป ขนาดเล็กใหญ่ก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นหากคนที่ไม่เคยอยู่ในวงการเครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องมาก่อน จึงดูค่อนข้างยากว่าเป็นของจริงหรือไม่ 

แต่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สามารถสังเกตเห็นได้คือ น่าจะเป็นแมวที่มีหูเหมือนกับหนู ตาเป็นลูกเต๋า มียันต์กอหญ้า มีทั้งแบบอ้าปากและหุบปาก ด้านในจะต้องกลวง มีทั้งแบบเต็มและแบบซี่ สามารถแบ่งทำได้ถึง 5 ตัวจากเขี้ยวเพียงแค่เขี้ยวเดียวเท่านั้น 

มีแบบขนาดตัวเล็กที่ถูกเรียกว่าเสือสาริกาซึ่งแกะมาจากปลายเขี้ยว คนในยุคสมัยโบราณจะเลี้ยงเอาไว้ในตลับสีผึ้งที่ใช้ทาปาก เนื่องจากมีพุทธคุณที่ช่วยเสริมในด้านเมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดี 

รู้หรือไม่ นอกจากเขี้ยวเสือแล้วยังมีเขี้ยวของสัตว์ชนิดอื่นด้วยที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง

เขี้ยวเสือ

เขี้ยวเสือ นั้นนับเป็นเขี้ยวจากเสือซึ่งนับว่าเป็นสัตว์มงคล ทั้งในกลุ่มคนมีวิชาหรือคนที่เชื่อว่าเสือนั้นเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจบารมีและความน่าเกรงขาม สามารถช่วยให้เรารอดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้ แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีเขี้ยวของสัตว์ชนิดอื่นที่ได้รับความนิยมในการบูชาเช่นเดียวกันอย่างเช่น

เขี้ยวหมี ที่บริเวณส่วนปลายนั้นจะมีร่องเลือดแต่เป็นสีน้ำตาลแดงและวิ่งรอบเป็นวงเดือน สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสีน้ำตาลเหมือนกับไม้ เขี้ยวหมูป่าที่ลักษณะจะมีความโค้งมนและมีปลายแหลมเป็นพิเศษ ด้านในจะเป็นรูกลวงเหมือนกัน ผู้คนมักนิยมบูชาแบบเต็มเขี้ยวมากกว่าแบบแบ่งซีกหรือแบบแกะสลัก 

ซึ่งเขี้ยวของสัตว์แต่ละชนิดก็จะมีพุทธคุณแตกต่างกันออกไปอย่างเช่น เขี้ยวหมี จะสามารถป้องกันคุณไสยได้เป็นอย่างดี ช่วยปกป้องอันตรายที่มาจากสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ เขี้ยวหมูจะนิยมในกลุ่มพรานป่าเนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความคงกระพันชาตรี หยุดได้แม้กระทั่งลูกปืน ป้องกันสัตว์ป่าได้สารพัด ใครที่ต้องเข้าป่าบ่อยจึงมักจะพกเขี้ยวหมูติดตัวไปด้วยเสมอ 

You may also like

Leave a Comment