เวลาที่ไม่สบายใจหรือเผชิญกับปัญหา หลายคนก็เลือกที่จะหันหน้าเข้าวัดเพื่อความสบายใจ ดังนั้นเวลานึกอะไรไม่ออกหลายคนจึงมักจะซื้อสังฆทานไปถวายพระเพื่อทำบุญนั่นเอง แต่ทราบหรือไม่ว่าเจ้าถังสีเหลืองสำเร็จรูปที่ผู้คนนิยมซื้อไปถวายพระนั้น ความจริงแล้วมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่คุณคิดไม่น้อยเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับสังฆทานและประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
สังฆทาน เป็นชุดทำทานสำเร็จรูปที่ปัจจุบันมักจะถูกบรรจุอยู่ในถังสีเหลืองบ้าง อยู่ในขันเงินขันทองบ้าง มีการตกแต่งประดับประดาให้สวยงามตามยุคสมัย ผู้คนมักซื้อไปถวายวัดหรือทำบุญกับพระภิกษุเนื่องจากหาซื้อได้ง่าย เป็นของสำเร็จรูป ราคาไม่แพงเท่ากับซื้อมาจัดเอง
ความจริงแล้วคำดังกล่าวต้องแยกเป็น 2 คำประกอบไปด้วย สังฆะ ที่หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ 2 รูปขึ้นไป และคำว่า ทาน ที่มีความหมายถึง การให้และการแบ่งปันด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อรวมกันแล้วคำนี้จึงมีความหมายว่า การถวายปัจจัยแก่พระภิกษุด้วยความตั้งใจที่จะอุทิศให้เป็นของพระภิกษุทั้งปวง
เป็นการสนับสนุนให้เหล่าชาวพุทธไม่ยึดติดกับบุคคลและวัตถุ สามารถทำบุญกับพระรูปไหนหรือกับใครก็ได้ รู้จักแบ่งปัน ไม่โลภมาก
ประวัติความเป็นมาของสังฆทานต้องย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาลเลยทีเดียว เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เล่าถึงนางมหาปชาบดีโคตมี ราชินีผู้เป็นพระมาตุจฉาของพระพุทธเจ้า ต้องการที่จะถวายจีวรให้แก่พระพุทธเจ้าขณะที่ทรงประทับอยู่ในวัดนิโครธาราม
พระพุทธเจ้าได้ปฏิเสธโดยกล่าวว่า ให้นำเอาผ้าจีวรนี้ไปถวายให้แก่คณะสงฆ์เป็นของส่วนกลาง เนื่องจากสังฆทานจะได้อานิสงส์มากกว่าการถวายของให้กับพระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาเสียเองมากกว่า
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพุทธศาสนิกชนจึงนิยมจัดนำเอาปัจจัยหรือของจำเป็นในการดำรงชีวิตเข้าชุดกัน และนำไปถวายให้กับเหล่าพระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ของที่มีอยู่ในสังฆทานต้องเป็นแบบใด
ของที่ควรมีอยู่ในสังฆทานนั้นจะต้องเป็นไทยธรรมหรือไทยทาน ซึ่งหมายถึงปัจจัย 4 ที่จะต้องไม่ขัดต่อสมณะภาวะแต่อย่างใด เป็นของที่พระภิกษุสงฆ์สามารถนำเอาไปใช้ได้โดยไม่ขัดกับศีลที่ถืออยู่หรือหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ ดังนั้นก่อนจะนำอะไรไปถวายให้กับพระจะมีหลักพิจารณาอยู่ทั้งหมด 5 ข้อ ประกอบไปด้วย
- สมควรหรือไม่
- พระภิกษุสงฆ์จำเป็นจะต้องใช้หรือไม่
- ของที่ถวายขัดต่อพระวินัยที่พระต้องยึดถือปฏิบัติหรือไม่
- เป็นของที่มีคุณภาพดีหรือไม่
- เป็นของที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการเผยแพร่พุทธศาสนาของพระภิกษุสงฆ์หรือไม่
ทานวัตถุ 10 ประการที่ควรอยู่ในถัง
การถวายสังฆทานไม่ใช่ว่าอยากถวายอะไร ก็สามารถจัดใส่กล่องหรือถังลงไปถวายได้ทั้งหมด แต่จะต้องเป็นทานวัตถุ 10 ประการที่มีความสมควร พระภิกษุสงฆ์จำเป็นต้องใช้ ไม่ขัดต่อพระวินัย และสามารถเอื้อประโยชน์ในการเผยแผ่ศาสนาได้ ประกอบไปด้วย
- อาหารทั้งคาวและหวาน
- น้ำและเครื่องดื่มอย่างเช่น น้ำผลไม้ ชา กาแฟ
- เครื่องนุ่งห่มหรือผ้าจีวร
- ยานพาหนะที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง หากใครไม่สะดวกจะถวายเป็นปัจจัยค่าโดยสารก็ได้เช่นเดียวกัน
- ดอกไม้ พวงมาลัย หรือเครื่องบูชา
- ธูปเทียนและเครื่องหอมสำหรับการบูชาพระ
- เครื่องสุขภัณฑ์หรือเครื่องลูบไล้ชำระล้างร่างกายอย่างเช่น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
- ที่นอนหมอนมุ้งอันสมควรที่ไม่ขัดต่อพระวินัย
- ที่อยู่อาศัย เสนาสนะ หรือกุฏิ รวมไปถึงเครื่องเสนาสนะอย่างเช่น เก้าอี้ ตู้ หรือโต๊ะ เป็นต้น
- เครื่องส่องสว่างอย่างเช่น เทียนไข ตะเกียง ไฟฉาย หรือหลอดไฟ เป็นต้น
อานิสงส์ที่ได้จากการถวายทานแก่พระสงฆ์
การถวายสังฆทานมีความเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์ผลบุญมากมายมหาศาล มากเสียยิ่งกว่าการนำเอาของไปถวายให้แก่พระพุทธเจ้าเสียอีก และยังว่ากันว่าผู้ถวายนั้นจะเป็นที่รักใคร่ของทั้งมนุษย์และเทวดา เป็นที่นิยมชมชอบ ไม่ว่าใครก็อยากจะคบหาและให้การอุปถัมภ์ค้ำจุน จะมีชื่อเสียงและกิตติคุณไปทั่วทุกสารทิศ
เป็นผู้มีสง่าราศี หยิบจับทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่คุณจะได้รับอย่างแน่นอนก็คือ ความสงบและความสบายใจจากการได้ทำบุญนั่นเอง เพราะการทำบุญด้วยการถวายของเป็นการที่เราไม่ยึดติดในวัตถุ ดังนั้นมันจึงก่อให้เกิดความสบายใจที่เราได้แบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้อื่น นั่นเอง
รวมสิ่งที่ไม่ควรใส่เอาไว้ในชุดสังฆทาน
นอกจากสิ่งที่ควรใส่ลงในสังฆทานเพื่อนำเอาไปถวายพระเป็นการสร้างบุญแล้ว ยังมีสิ่งที่คุณไม่ควรใส่ลงไปในถังด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ใบชา ข้าวสาร ผงซักฟอก และสบู่ ซึ่งเรามักจะเห็นสิ่งเหล่านี้ถูกใส่รวมกันในของสำเร็จรูปให้เราได้ซื้ออย่างง่ายดายอยู่เสมอ
สาเหตุที่เราไม่ควรใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในถังร่วมกันเป็นเพราะว่า หากเรานำเอาสิ่งเหล่านี้บรรจุในถังที่อยู่ในลักษณะปิดหรือเป็นกล่อง พอทิ้งไว้นาน ๆ ก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้ทั้งรสชาติ กลิ่น และสีเปลี่ยนแปลงไป ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน
ทำให้ของเหล่านั้นเสื่อมสภาพ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติดังเดิมแต่อย่างใด ดังนั้นหากต้องการใส่สิ่งของเหล่านี้ลงไปก็ต้องมีการแยกบรรจุภัณฑ์ไม่ให้มาปะปนกันโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้บุญ คุณอาจจะได้บาปกลับมาแทน
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com