วันมาฆบูชา ปรากฏการณ์เมื่อพระภิกษุ 1,250 รูปมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย

by saimu
0 comment
วันมาฆบูชา

ประเทศไทยของเราเป็นเมืองพุทธ ดังนั้นเวลามีวันที่สำคัญเกี่ยวกับศาสนาเราจึงมักจะให้ความสำคัญ ถึงขั้นจัดให้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์กันเลยทีเดียว และหนึ่งในวันสำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนาก็คือ วันมาฆบูชา วันที่ทุกคนท่องจำได้เป็นอย่างขึ้นใจว่าเป็นวันที่มีพระภิกษุจำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และนอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวันมาฆบูชามากขึ้น วันนี้ในอดีตเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างก่อนกลายมาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

เปิดตำนานความเป็นมาของวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล เกิดขึ้นหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ในตอนนั้นพระพุทธเจ้าได้ออกเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาจนเวลาล่วงเลยไปถึง 9 เดือน 

ช่วงนั้นมีชาวบ้านทั้งหลายให้ความสนใจและอุปสมบทเป็นพระภิกษุจำนวนไม่น้อย ทำให้ศาสนาพุทธเริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนพระพุทธเจ้าก็ยังคงออกเดินทางเพื่อเผยแผ่ศาสนาจนมาถึงวัดสุกรขาตา 

หลังจากแสดงธรรมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เสด็จมาอยู่ในวัดเวฬุวัน ในวันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะหรือเดือน 3 พอดี ในช่วงบ่ายเหล่าพระอรหันต์สาวกของพุทธองค์ ได้มาประชุมรวมกันยังที่ประทับของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเหตุอัศจรรย์ที่มีองค์ประกอบ 4 ประการที่เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต ประกอบไปด้วย 

  1. เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นสาวกได้เดินทางมาประชุมกันในวัดเวฬุวันวิหารจำนวนกว่า 1,250 รูปโดยมิได้นัดหมาย 
  2. พระภิกษุสงฆ์กลุ่มนี้เป็นผู้ที่รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น มีชื่อเรียกว่าเอหิภิกขุอุปสัมปทา
  3. พระภิกษุทุกองค์ที่ได้มาร่วมประชุมกันในวันนี้ ล้วนแล้วแต่บรรลุอรหันต์แล้วทุกองค์
  4. เป็นวันที่พระจันทร์ขึ้นเต็มดวงและกำลังเสวยมาฆฤกษ์

  สาเหตุที่เหล่าสาวกพระอรหันต์เหล่านี้ได้เดินทางมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย นั่นก็เป็นเพราะว่าวันมาฆบูชาใกล้วันพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 เป็นวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ดั้งเดิม 

นอกจากนี้พระภิกษุบางส่วนยังเคยนับถือศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาเดิมของตนอีกด้วย โดยปกติแล้วเดิมทีคนนับถือศาสนาพราหมณ์จะเรียกวันดังกล่าวว่า วันศิวาราตรี ผู้คนจะรวมตัวกันเพื่อสักการบูชาพระศิวะพร้อมทั้งล้างบาปด้วยน้ำ เมื่อหันมานับถือศาสนาพุทธจึงได้เลิกพิธีกรรมเดิมแต่เปลี่ยนมาเป็นเข้าเฝ้าบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อฟังพระธรรมนั่นเอง 

โอวาทปาติโมกข์ คำสอนที่พระพุทธเจ้าบอกแก่พระภิกษุ 1,250 รูป 

วันมาฆบูชา

ด้วยเหตุนี้ การมารวมตัวกันของพระภิกษุ 1,250 รูปในวันมาฆบูชาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย จึงไม่นับว่าเป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ เพราะศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาดั้งเดิมที่อยู่คู่กับชาวอินเดียมาแต่ไหนแต่ไร และพระพุทธเจ้าเองก็ได้แสดงหลักธรรมคำสอนให้กับเหล่าสาวกที่มาประชุมกันในวันดังกล่าวนั่นก็คือ โอวาทปาติโมกข์ นั่นเอง 

มันเป็นหลักคำสอนซึ่งเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ โดยกล่าวถึง การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำบุญกุศล การชำระจิตใจของตัวเองให้ขาวสะอาด ขันตคือความอดกลั้นซึ่งเป็นเครื่องเผากิเลส ผู้รู้กล่าวพระนิพพานเป็นความอันยิ่ง การกำจัดสัตว์ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้ทำสัตว์อื่นลำบากไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมณะ การไม่พูดร้ายและไม่ทำร้าย การสำรวมตนในปาติโมกข์ ความเป็นผู้รู้ประมาณอยู่ในการบริโภค การนอนการนั่งในที่เงียบสงัด การหมั่นทำจิตให้ยิ่ง 

หลังจากที่วันดังกล่าวกลายมาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เหล่าพุทธศาสนิกชนที่มารวมตัวกันในวันมาฆบูชาเพื่อไหว้พระทำบุญก็จะมาฟังธรรมโอวาทปาติโมกข์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเราจะได้รับหลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้ 

วันมาฆบูชา

หลักการ 3 ประกอบไปด้วย

1.การไม่ทำบาป

ไม่ว่าจะเป็นการลดละเลิก การงดเว้นการทำบาป ประกอบไปด้วยอกุศลกรรมบถ 10 ประการ ประกอบไปด้วย

อกุศลกรรมบถ 10 ประการ ทางกาย

-การฆ่าสัตว์ 

-ลักทรัพย์ 

-ประพฤติผิดในกาม 

อกุศลกรรมบถ 10 ประการ ทางวาจา

-พูดจาโกหก

-พูดจาส่อเสียด 

-พูดหยาบ

-พูดเพ้อเจ้อ 

อกุศลกรรมบถ 10 ประการ ทางใจ

-โลภอยากได้สมบัติคนอื่น 

-การพยาบาทอาฆาตแค้น 

-การทำผิดจากครรลองคลองธรรม

2.การทำบุญกุศล

เป็นการทำคุณงามความดี เรียกว่ากุศลกรรมบถ 10 ประการ ประกอบไปด้วย

กุศลกรรมบถ 10 ทางกายกรรม

-การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น การช่วยเหลือเกื้อกูล 

-ไม่เอาสิ่งที่คนอื่นไม่ให้  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 

-ไม่ประพฤติผิดในกาม 

กุศลกรรมบถ 10 ทางวจีกรรม

-ไม่พูดจาโกหก

-ไม่พูดจาส่อเสียด

-ไม่พูดจาหยาบคาย 

-ไม่เพ้อเจ้อ 

กุศลกรรมบถ 10 ทางมโนกรรม 

-ไม่โลภอยากได้แม้ว่าผู้อื่นจะเสียสละ 

-ไม่ผูกจิตอาฆาตพยาบาท 

-มีความคิดตามครรลองคลองธรรม

3.ทำจิตใจให้ผ่องใส

คือการทำจิตใจของตนเองให้ปราศจากเครื่องขัดขวางจิต ไม่ให้สามารถเข้าถึงความสงบได้ อย่างเช่นความพอใจในกาม ความพยาบาท ความท้อแท้หดหู่ ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความสงสัยลังเลใจ

อุดมการณ์ 4 ประกอบไปด้วย

  1. ความอดทนอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา และใจ  
  2. การไม่เบียดเบียน งดเว้นจากการรบกวนหรือทำร้ายผู้อื่น 
  3. ความสงบ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งกาย วาจา และใจ 
  4. นิพพาน การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในศาสนาพุทธ 

วิธีการ 6 ประกอบไปด้วย

  1. ไม่ว่าร้าย พูดจาโจมตีใคร 
  2. ไม่ทำร้าย เบียดเบียนก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น 
  3. สำรวมในปาติโมกข์ เป็นการเคารพกฎระเบียบ วินัย กติกามารยาท ขนบธรรมเนียม ประเพณี และกฎหมาย 
  4. รู้จักประมาณ พอดีในการใช้สอยหรือการบริโภคสิ่งต่าง ๆ 
  5. อยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบ มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม 
  6. ฝึกใจให้สงบ หากชำระล้างจิตใจให้สงบ ให้สุขภาพมีประสิทธิภาพและคุณภาพ 

กิจกรรมที่ถือปฏิบัติในวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา มีกิจกรรมทางศาสนาให้ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธปฏิบัติมากมาย รุ่งเช้าผู้คนก็จะตื่นขึ้นมาตักบาตร บ้างก็จัดอาหารคาวหวานไปทำบุญที่วัดเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม ตอนบ่ายก็จะนั่งฟังพระภิกษุแสดงพระธรรมเทศนา เมื่อตกกลางคืนก็จะนำเอาดอกไม้ธูปเทียนไปวัด เพื่อทำพิธีเวียนเทียนเดินวนขวารอบพระอุโบสถ 3 รอบ เพื่อระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จากนั้นก็นำเอาดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีในวันมาฆบูชา 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment