วันอีสเตอร์ วันที่พระเยซูทรงคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาอีกครั้ง 

by saimu
0 comment
วันอีสเตอร์

วัน Good Friday เป็นวันที่ชาวคริสต์ทั่วทั้งโลกต่างต้องเผชิญกับความโศกเศร้า เมื่อพระเยซูถูกนำไปตรึงบนไม้กางเขน ในช่วงเวลานั้นหลายคนคิดว่าตนเองต้องสูญเสียพระผู้เป็นเจ้าไปอย่างแน่นอน แต่วันอีสเตอร์กลับกลายมาเป็นวันแห่งความหวังใหม่ เมื่อพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพกลับมาอีกครั้งในวันอาทิตย์ จนวันดังกล่าวมีชื่อเล่นว่า Easter Sunday และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าวันอีสเตอร์มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และมีความสำคัญกับชาวคริสต์อย่างไร ไปติดตามกันได้เลย 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับวันอีสเตอร์ วันสำคัญในศาสนาคริสต์ที่ได้พระเยซูกลับคืนมา 

วันอีสเตอร์

วันอีสเตอร์ เป็นวันสำคัญทางศาสนาของชาวคริสต์ทั่วทั้งโลก เนื่องจากพระเยซูได้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพกลับมาหลังจากที่ถูกนำเอาไปตรึงบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ วันดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนกับความหวังใหม่ที่กลับมาโชติช่วงในใจของชาวคริสต์อีกครั้ง 

วันดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากเทศกาลมหาพรตที่ชาวคริสต์ทำการถือศีลอด อธิษฐานภาวนา บริจาคข้าวของ ใช้ชีวิตอย่างประหยัดมัธยัสถ์เป็นระยะเวลายาวนานถึง 40 วัน เพื่อเป็นการระลึกถึงความทรมานของพระเยซูที่ถูกจับไปตรึงกางเขน 

หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การเฉลิมฉลองความหวังใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน โดยในแต่ละปีวันดังกล่าวก็จะแตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วก็จะอยู่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายน 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนิกายศาสนาคริสต์ทั้งหลายได้เห็นพร้อมต้องการว่า ให้ใช้วันอาทิตย์แรกหลังจากวันที่ 21 มีนาคมที่มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงให้เป็นวันอีสเตอร์ ดังนั้นสำหรับปี 2023 นี้วันดังกล่าวจึงตรงกับวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมานั่นเอง 

ในประเทศฝั่งตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติก็จะให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ อย่างเช่นฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร หรือเยอรมนี เพื่อให้ทุกคนได้ไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาเพื่อระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าและใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัว 

เพราะเหตุใดวันอีสเตอร์จึงมีความสำคัญในศาสนาคริสต์ 

วันอีสเตอร์

วันอีสเตอร์เป็นวันที่ชาวคริสต์ร่วมกันเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนาน แถมในบางประเทศยังจัดว่าเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ นั่นก็เป็นเพราะว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่มีความสำคัญในศาสนาคริสต์นั่นเอง พระเจ้าของพวกเขาอย่างพระเยซู ได้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาอีกครั้งและได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญในศาสนา 

เป็นการตอกย้ำถึงความศรัทธาในพระธรรมคำสอนที่ได้เผยแผ่ออกมา เพราะหากพระองค์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ผู้คนก็จะมองว่าพระองค์ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป เป็นอาจารย์ที่เผยแผ่คำสอนไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า 

ดังนั้นการฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาจึงเปรียบเสมือนกับการพิสูจน์ว่า พระองค์คือบุตรของพระผู้เป็นเจ้า และชาวคริสต์ยังมีความเชื่ออีกด้วยว่า การเสียสละของพระเยซูเป็นส่วนหนึ่งในแผนอันศักดิ์สิทธิ์ 

เป็นการถ่ายทอดบาปให้แก่มนุษย์ เพื่อคืนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และพระผู้เป็นเจ้าอีกครั้ง วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการถือกำเนิดใหม่ ชีวิตใหม่ และการอภัยให้แก่กัน 

รวมสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงวันอีสเตอร์ 

วันอีสเตอร์

วันอีสเตอร์เป็นวันแห่งความหวังใหม่และวันเฉลิมฉลอง ดังนั้นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงวันดังกล่าวจึงมักจะเป็นของน่ารักๆ อย่างเช่น 

  1. ไข่ เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่ ดังนั้นชาวคริสต์จึงใช้ไข่เป็นสัญลักษณ์แทนการฟื้นกลับคืนมาของพระเยซู นอกจากนี้มันยังเชื่อมโยงถึงอาหารมื้อสุดท้ายที่พระเยซูรับประทานร่วมกับเหล่าอัครสาวก ก่อนที่ยูดาสจะทรยศจนทำให้พระองค์ถูกจับไปตรึงกางเขน ในอดีตมีผู้นำทางศาสนาห้ามมิให้ชาวคริสต์กินไข่สัปดาห์ก่อนจะถึงวันอีสเตอร์ หลังจากที่แม่ไก่ออกไข่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไข่ก็จะถูกนำเอาไปเก็บไว้จนกว่าจะถึงวัน พวกเขาจะนำเอาสีสันมาทาให้สวยงามก่อนจะมอบให้กับเด็กเพื่อเป็นของขวัญ แต่ในปัจจุบันไข่อีสเตอร์ถูกทำมาจากวัสดุอื่นมากกว่า อย่างเช่น โฟม พลาสติก หรืออาหารอย่างช็อกโกแลต 
  2. กระต่าย เป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในช่วงศตวรรษที่ 19 นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นสัตว์ที่มีลูกได้จำนวนมาก ให้ความหมายที่ใกล้เคียงกับการเริ่มต้นใหม่ การถือกำเนิด รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ สอดคล้องกับความเป็นมาของวันสำคัญที่พระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพอีกครั้ง และยังมีตำนานกล่าวว่า กระต่ายได้ตกแต่งไข่และซ่อนพวกมันเอาไว้ หากใครที่เป็นเด็กดีก็จะสามารถหาไข่ที่ถูกกระต่ายซ่อนไว้ได้สำเร็จ 

เปิดกิจกรรมสนุกๆ ที่ผู้คนนิยมทำกันในวันอีสเตอร์ 

วันอีสเตอร์

วันอีสเตอร์เป็นวันที่มีกิจกรรมทางศาสนาสนุก ๆ มากมายให้ทุกคนได้ทำร่วมกันในครอบครัว หากในบ้านมีเด็ก ผู้ใหญ่ก็มักจะนำเอาไข่อีสเตอร์ไปซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน เพื่อให้เด็กได้ไปหาและเก็บเป็นของขวัญ มันจึงกลายเป็นวันที่เด็ก ๆ ชาวคริสต์หลายคนรอคอยให้มาถึง 

มีการทำพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อระลึกถึงความเสียสละและการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู มีการรับประทานอาหารและใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว บางบ้านก็เขียนการ์ดอวยพรมอบให้กับคนรู้จัก เพื่อเป็นการอวยพรให้พบแต่ความสุขและความสมหวัง 

เมื่อเข้าสู่วันดังกล่าว ประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ จึงมักจะมีบรรยากาศที่ตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ความสุข ความสนุกสนาน และรอยยิ้ม 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment