เยี่ยมชมวัดเซนโซจิ ดังในประเทศญี่ปุ่น สัมผัสแรงแห่งศรัทธา

by saimu
0 comment
วัดเซนโซจิ

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นก็คงต้องเป็นวัดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสายมูที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เราเลยจะมาแนะนำทุกคนได้รู้จักกับวัดเซนโซจิ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อวัดอาซากุสะ เป็นวัดดังขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ในปัจจุบันถือเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย และจะเป็นโด่งดังเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้วัดไหน ใครอยากลองไปเยี่ยมชม เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกัน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับวัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะ

วัดเซนโซจิ

วัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะ เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของย่านอาซากุสะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และได้รับการขนานนามเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์มากมาย ที่ถูกพูดถึงมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในตอนนี้วัดแห่งนี้ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าชาวพุทธในประเทศญี่ปุ่นเหมือนเช่นเคย เพิ่มเติมคืองานสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

ความโดดเด่นของวัดเซนโซจิ นอกจากจะเป็นศาสนสถานที่สำคัญแล้ว ยังมาพร้อมกับความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูสีแดงที่มาถึงครั้งแรกก็ได้เห็นก่อนส่วนอื่น ๆ ภายในวัด ไม่ไกลจากกันมียักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูถึง 2 ฝั่ง

ฝั่งขวาเป็นยักษ์ที่มีชื่อว่า ฟูจิน ได้รับการนับถือในฐานะเจ้าแห่งสายลม มีอำนาจต่อกรกับทั้งสายลมและแสงแดด รวมถึงเมฆหมอก รูปกายเป็นสีดำ หน้าตาดูดุดัน สวมอาภรณ์เป็นหนังเสือดาว 

ฝั่งซ้ายมีชื่อว่าไรจิน ได้รับการนับถือในฐานะของเจ้าแห่งอสนีบาต ร่างกายเป็นสีแดง ใช้กลองเป็นอาวุธในการทำให้เกิดฟ้าผ่าและฟ้าแลบ

วัดเซนโซจิ

เข้าไปด้านในจะพบกับโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่อีก 1 ใบที่แขวนอยู่เหนือซุ้มประตู บนตัวโคมจะเขียนด้วยตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นสีดำที่อ่านว่า คามินาริ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า สายฟ้า คนญี่ปุ่นจึงขนานนามประตูแห่งนี้ว่า ประตูสายฟ้า ซึ่งเป็นประตูหลักสำหรับการเข้าวัดเซนโซจินั่นเอง 

เมื่อถัดจากซุ้มประตูไปก็จะเข้าสู่ถนนนากามิเสะ ถนนเส้นนี้เป็นย่านตลาดนัดที่มีของขายสินค้าต่าง ๆ ตลอดทางไปจนถึงตัววัดเซนโซจิเลยทีเดียว มีทั้งของที่ระลึก ของฝาก และขนม ของที่วางขายล้วนแล้วแต่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม 

ซึ่งหากใครอยากรับประทานขนมที่ซื้อไปทันที ต้องยืนรับประทานที่หน้าร้านเท่านั้น ไม่สามารถเดินไปด้วยทานไปด้วยได้ เพราะเป็นกฎเหล็กของร้านค้าในอาซากุสะ ที่ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินกินขนมไปมา เป็นการป้องกันการหกเลอะเทอะจนสกปรกนั่นเอง

รวมสิ่งที่ผู้คนเชื่อเกี่ยวกับวัดเซนโซจิ สายมูไม่ควรพลาด

วัดเซนโซจิ

วัดเซนโซจิเป็นพุทธสถานที่ก่อสร้างมาอย่างยาวนาน มันจึงอยู่คู่กับความเชื่อของคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ววัดแห่งนี้ก็มีธรรมเนียมปฏิบัติทางศาสนาไม่ต่างอะไรจากวัดอื่น ๆ เริ่มต้นจากการล้างหน้า ล้างปาก และล้างมือก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ตัววัด เพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายให้สะอาด และชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ 

สำหรับใครที่กังวลว่าแล้วจะใช้อะไรล้างหน้า ในวัดมีทั้งบ่อน้ำ รวมถึงกระบวยตักน้ำอยู่ไม่ไกลจากประตูโฮโซมง ให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ใช้อย่างอิสระ ส่วนการจุดธูปไหว้พระขอพร อย่าปล่อยให้ควันธูปลอยไปทางอื่น เพราะที่นี่เมื่อมีการจุดธูปไหว้พระจะต้องปัดเอาควันธูปเข้าหาตัวเอง เป็นความเชื่อที่ว่าควันเป็นแหล่งพลังงานที่จะนำพาสิ่งดี ๆ เข้าสู่ตนเอง ทั้งยังสามารถรักษาได้ทั้งอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ หายได้อีกด้วย

แนะนำเครื่องรางยอดนิยมของวัดเซนโซจิ ที่รอทุกคนไปบูชา

วัดเซนโซจิ

สายมูคนไหนที่เดินทางมาถึงวัดเซนโซจิ จะพลาดเครื่องรางไม่ได้โดยเด็ดขาด เครื่องรางที่ได้รับความนิยมในวัดแห่งนี้ความจริงแล้วมีหลายชิ้นด้วยกัน แต่ที่ได้รับความนิยมจะเป็นเครื่องรางด้านความรัก การเสริมดวง และขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา มีทั้งเครื่องรางเป็นชิ้น ๆ สำหรับบูชาไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน พวงกุญแจสำหรับพกติดตัวหรือห้อยรถ ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 500 เยน หรือตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ 150 บาท เป็นต้นไป

ไปเที่ยววัดเซนโซจิ มีของฝากและอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

วัดเซนโซจิ

เนื่องจากวัดเซนโซจิเป็นโบราณสถาน เพราะฉะนั้นมันจึงได้รับความนิยมในฐานะของสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้ไหว้พระขอพรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นมาถึงแล้วก็ต้องไม่พลาดซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปด้วย

บริเวณภายในวัดจะมีร้านค้าแผงลอยถึง 90 ร้าน สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลยคือ ขนมเค้กตุ๊กตาที่มีชื่อเรียกว่า นิงเงียวยากิ ต่อมาคือโคมไฟที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถซื้อกลับบ้านเป็นของฝากได้ และยังมีแผ่นไม้แกะสลักสามารถเขียนได้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษอีกด้วย

วัดเซนโซจิ

ในตอนกลางคืนวัดแห่งนี้จะมีการเปิดไฟส่องสว่างไปทั่ว ทำให้ดูสวยงามมากขึ้น สามารถมองเห็นทั้งองค์เจดีย์ ประตูคามินารโมง และอาคารภายในวัดได้อย่างชัดเจน เป็นวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างจากในตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง แถมเรายังเดินไปยังสะพานข้ามแม่น้ำซูมิดะเพื่อรับชมความสวยงามของสะพานและแม่น้ำได้อีกด้วย

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com

You may also like

Leave a Comment