ใครอยากสัมผัสความงามเหนือกาลเวลา ราวกับได้หยุดเวลาย้อนกลับไปในอดีตของประเทศญี่ปุ่น ต้องเดินทางไปที่ วัดคิโยะมิซุ หรือที่รู้จักในชื่อ วัดน้ำใส วัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น วัดแห่งนี้เป็นวัดพุทธในนิกายโชโดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 778 โดยพระเอ็นจิน ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ไป เราจะพาทุกคนไปสัมผัสผ่านตัวอักษรกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ค้นหาความสงบร่มเย็น ณ วัดคิโยะมิซุ สัมผัสประวัติศาสตร์อันยาวนาน
วัดคิโยะมิซุ หรือ วัดน้ำใส ถือเป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น อยู่คู่กับประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ต้นยุคเฮอันเกียว หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่เมืองเกียวโตจะกลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น
ตามหลักฐานที่ปรากฏผู้สร้างคือ ตระกูลโตกุกาวา อาคารทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาด้วยไม้ ส่วนที่น่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ อาคารหลักของวัดที่ยื่นเข้าไปกลางหุบเขา อาคารหลังนี้มีเสาค้ำยังที่ทำจากไม้ มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ โครงสร้างเหล่านี้ก็ยังเป็นของดั้งเดิมที่ยังไม่เคยมีการเปลี่ยนมาก่อน
เสาที่เป็นโครงสร้างระเบียงอาคารหลักของวัดคิโยะมิซุนี้ สร้างจากไม้จำนวนกว่า 100 ต้น ยกสูงขึ้นมาจากพื้นกว่า 13 เมตร แต่ไม่มีการยึดด้วยตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว ช่างใช้วิธีการเข้าลิ่มไม้ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาโบราณของชาวญี่ปุ่น
อาคารหลักของวัดหลังนี้ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1994 ถือเป็นสถานที่สำคัญที่เป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยวธรรมดาทั่วไป และยังจัดให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ในกรุงเกียวโตอีกด้วย หากใครได้ไปที่วัดคิโยะมิซุ ต้องไปสัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตทั้งเมืองที่บริเวณระเบียงนี้ให้ได้
ประวัติความเป็นมาของชื่อวัดน้ำใส อีกหนึ่งชื่อของวัดคิโยะมิซุ
วัดคิโยะมิซุ มีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า วัดน้ำใส สาเหตุวัดแห่งนี้มี 2 ชื่อเรียกก็มาจาก ตัววัดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกโอโตวะ น้ำตกดังกล่าวมีสายน้ำที่ไหลตัดผ่านเข้ามาภายในวัดด้วย ซึ่งน้ำนั้นมีความในเป็นอย่างมาก ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดน้ำใส เป็นชื่อเล่น และยังเชื่ออีกด้วยว่าหากใครที่ได้ดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะจะประสบความสำเร็จสมความปรารถนา ทั้งในด้านความรัก การเรียน และช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว
กระโดดระเบียงวัดคิโยะมิซุแล้วไม่ตาย คำขอจะเป็นจริง
นอกจากความเชื่อเรื่องการดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะ ที่หากใครได้ดื่มจะสมหวังในทุก ๆ เรื่องแล้ว ยังมีอีก 1 ความเชื่อที่กลายเป็นเพียงแค่ตำนานในปัจจุบันนั่นก็คือคำกว่าที่ว่า “กระโดดจากระเบียงคิโยมิซู” ซึ่งมีความหมายว่า ตัดสินใจกระทันหัน หรือ กล้าตัดสินใจ
ซึ่งมีที่มาจากความเชื่อในสมัยเอโดะที่ว่า ใครที่สามารถกระโดดจากระเบียงของอาคารหลักที่ความสูง 13 เมตรแล้วไม่ตาย ความปรารถนาคนคน ๆ นั้นก็จะประสบความสำเร็จ ซึ่งในความเป็นจริงก็มีทั้งผู้ที่รอดชีวิตและเสียชีวิต แต่ผู้ที่รอดชีวิตก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้มีการอนุญาตให้กระโดดลงมาจากระเบียงอาคารหลักอีกแล้ว
เที่ยวชมศาลเจ้าและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดคิโยะมิซุ
ศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมในวัดคิโยะมิซุเป็นอย่างมากก็คือ ศาลเจ้าจิซุ ศาลเจ้าแห่งความรัก เป็นสถานที่สิงสถิตของเทพโอคุนินุชิ โนะ มิโคโตะ ผู้ประทานพรให้ชีวิตคู่เกิดความราบรื่น ซึ่งเป็นที่นับถือของผู้คนในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
ภายในศาลเจ้าจิซุจะมีหิน 2 ก้อนที่มีชื่อเรียกว่า หินแห่งความรัก ตั้งอยู่ห่างจากกันประมาณ 18 เมตร เป็นไฮไลท์เด็ดที่ใครได้มาก็ต้องมาถ่ายรูปและขอพร วิธีการก็คือ ให้เดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง พร้อมกับหลับตาและท่องชื่อของคนรักหรือคนที่คุณหมายปองในใจ
หากเดินไปถึงหินอีกก้อนได้สำเร็จ คุณก็จะสมหวังในความรักกับคนที่ชอบ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในการพิสูจน์รักแท้ ด้วยการให้คนรักยืนอยู่ที่หินคนละก้อน จากนั้นให้คนใดคนหนึ่งหลับตาและเดินไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ที่หินอีกก้อน หากทำได้ก็หมายความว่า คู่ของคุณเป็นรักแท้ นั่นเอง
อยากไปเที่ยววัดคิโยะมิซุ มีอะไรที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปบ้าง
การไปท่องเที่ยวที่ วัดคิโยะมิซุ สามารถไปได้ทุกฤดูกาล ในแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป หากไปในช่วงใบไม้ผลิก็จะได้พบกับดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริเวณ หากไปในช่วงฤดูร้อนก็จะเจอกับความเขียวชอุ่มของต้นไม้
ถ้าไปในช่วงใบไม้ร่วงก็จะได้พบกับวิวทิวทัศน์สีส้มของใบไม้เปลี่ยนสี ถ้าไปฤดูหนาวก็จะได้สัมผัสกับหิมะและผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดยูกาตะมาถ่ายภาพ นอกจากนี้ทางวัดยังมีงานเทศกาลประจำปีอีกด้วย ถ้าต้องการเที่ยวงานเทศกาลประจำปี ต้องศึกษาวันและเวลาให้ดี เพราะวันจัดงานจะเปลี่ยนแปลงไปทุกปี
เวลาที่เปิดให้เยี่ยมชมวัดคิโยะมิซุ โดยปกติจะเริ่มต้นที่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 300 เยน สำหรับเด็ก 200 เยน แต่หากเป็นเวลาเปิดปิดพิเศษจะปิดให้เยี่ยมชมในเวลา 21:30 น. หรือตลอดทั้งคืน ในช่วงเวลานี้ผู้ใหญ่จะมีค่าเข้าชมคนละ 400 เยน และเด็ก 200 เยน
วิธีการเดินทางสามารถนั่งรถเมล์ที่ผ่านป้ายหมายเลข 100, 202, 206 หรือ 207 จนถึงป้าย Kiyomizu-Michi จากนั้นก็ให้เดินตามป้ายข้างทางก็จะพบกับวัดเอง สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถไฟ สามารถนั่งจากสถานีเกียวโตสาย Keihan Line ลงมายังสถานี Kiyomizu Gojo ได้เลย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com