ความเชื่อและสิ่งเหนือธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันจึงไม่น่าแปลกใจเวลาที่เราเดินทางไปไหนมาไหนเราจึงมักจะพบกับ ศาลเพียงตา ตั้งเรียงรายอยู่ 2 ข้างทางอยู่เสมอ ลักษณะภายนอกของมันอาจดูเหมือนกับศาลพระภูมิในบ้านของเรา แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใด วันนี้ สายมู.com จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับศาลเพียงตาให้มากขึ้น ศาลที่เราได้กล่าวถึงนี้คืออะไร ตั้งศาลเอาไว้เพื่ออะไร รวมไปถึงเราควรไหว้เมื่อเจอหรือไม่ ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับศาลเพียงตา ศาลที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
เวลาเดินทางไปไหนมาไหนโดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมสายรองระหว่างเมือง สิ่งที่เรามักจะเห็นอยู่เป็นประจำก็คือ ศาลเพียงตา ศาลที่ตั้งอยู่ตามโค้งอันตรายหรือไม่ก็ทางสามแพร่ง สี่แพร่ง บ้างก็ตั้งอยู่ในทุ่งนา บ้างก็ตั้งอยู่ในป่า แม้แต่บนภูเขาก็ยังสามารถพบเห็นได้เช่นเดียวกัน
นั่นเป็นเพราะความเชื่อที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นการตั้งศาลขึ้นมาเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมไปถึงภูตผีปีศาจได้มาสิงสถิตอยู่ในศาล เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อให้วิญญาณหรือแม้แต่เจ้าที่เจ้าทางได้มีที่สำหรับอยู่อาศัย
ส่วนใหญ่มักจะตั้งขึ้นมาในบริเวณที่มีการเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง และเรามักจะพบเห็นพวงมาลัยและเครื่องเซ่นไหว้ถูกนำเอามาไหว้ที่ศาลเพียงตาเหล่านี้อยู่เสมอ อีกนัยหนึ่งศาลเหล่านี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจที่ทำให้คนขับขี่รถบนท้องถนนมีสติและขับขี่อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นซ้ำในจุดเดิม
ศาลเพียงตา นั้นเดิมทีถูกเรียกว่าศาลผีซึ่งมีทั้งแบบ 4 เสาและเสาเดียว หากย้อนกลับไปในอดีตคำว่าผีไม่ใช่คำที่มีความหมายไม่ดีแต่อย่างใด เพราะเป็นคำที่ใช้เรียกรวมกันหมดไม่ว่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทาง เทวดาอารักษ์ ผีบ้านผีเรือน ผีสางนางไม้ทั้งหลาย สิ่งที่เรามองไม่เห็นเหล่านี้จะเข้ามาสิงสถิตอยู่ในศาล
ดังนั้นเวลาที่เราเห็นศาลเสาเดียวก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นศาลพระภูมิ ที่สามารถไหว้ได้อย่างปลอดภัยแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นบางคนก็เชื่อว่าศาลบางศาลมีความเฮี้ยนและความศักดิ์สิทธิ์ เวลามาไหว้ขอเลขเด็ดก็มักจะถูกหวย ทำให้มีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาขอเลขขอพรอยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่เช่นเดียวกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการไหว้ศาลทุกแห่งที่เราไม่รู้จักมาก่อนจะปลอดภัยแต่อย่างใด โดยเฉพาะศาลเพียงตาที่เรียกได้ว่าแรงและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่ศาลสำหรับเทวดาอารักษ์แต่เป็นศาลของผีสางต่างหาก มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกันที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวน่าขนลุกเวลาเผลอยกมือไหว้สิ่งลี้ลับเหล่านี้
และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือนอกจากประเทศไทยแล้ว ประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีศาลเพียงตาด้วยเช่นเดียวกัน เป็นการตั้งศาลเอาไว้เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของผีสางทั้งหลาย ดังนั้นจึงสามารถพบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีอยู่ทั้งในบ้านหรือตามทุ่งนาป่าเขา
มีปรากฏหลักฐานระบุถึงศาลเหล่านี้ในจดหมายของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดวงศ์ส่งไปถึงพระยาอนุมานราชธนเมื่อปีพ.ศ. 2482 เอาไว้ว่า ในเกาะชวาบาหลีเองก็มีศาลเช่นเดียวกัน มีตั้งแต่แบบที่ทำจากไม้ไผ่ ไม้จริง รวมไปถึงการก่ออิฐฉาบปูน เป็นศาลที่มีขนาดเล็กและตั้งอยู่ด้านบนฐานสูง บ้างก็มีถึง 2 ชั้นโดยชั้นบนนั้นเอาไว้เป็นที่สิงสถิตของเทวดา ส่วนชั้นล่างเป็นบ้านเรือนสำหรับพระภูมิหรือผีสางนางไม้นั่นเอง
เจอศาลเพียงตาควรไหว้หรือไม่ เพราะเหตุใดหลายคนจึงแนะนำว่าไม่ควรไหว้
สิ่งที่หลายคนสงสัยมากที่สุดเกี่ยวกับศาลเพียงตานั่นก็คือ เวลาเราขับรถไปเจอศาลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นศาลเก่าหรือแม้แต่ศาลพระภูมิที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ เราควรจะยกมือไหว้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาศาลที่อยู่บริเวณทางสามแพร่งหรือแม้แต่โค้งอันตราย
หลายคนก็ยกมือไหว้ในขณะที่หลายคนเชื่อว่าไม่ควรไหว้แต่อย่างใด คำตอบของคำถามดังกล่าวก็คือ ไม่ควรไหว้โดยเด็ดขาด และไม่อนุญาตให้อะไรก็ตามติดตามเรามาเพียงแค่เพราะว่าเรายกมือไหว้เท่านั้น
สาเหตุแรกเกิดจากการที่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรที่สิงสถิตอยู่ในศาล เป็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเป็นวิญญาณร้ายกันแน่ หากเป็นพวกสัมภเวสีหรืออะไรที่แย่กว่านั้น หากว่ายไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากการเปิดทางหรือการเชื้อเชิญให้พวกเขาตามมา เหมือนกับการอนุญาตให้พวกเขาสามารถไปอยู่กับเราได้
เราไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้นมาแล้วกี่ปี ลองคิดว่าหากเป็นตัวเราเองอยู่ดี ๆ ก็ดันมีคนมาไหว้เพื่อเปิดทางให้เราได้ไปด้วย เป็นใครก็คงไปอย่างแน่นอนเพราะรอคอยส่วนบุญมาตั้งนาน ดังนั้นการยกมือไหว้ศาลที่เราไม่รู้ที่มาที่ไปมาก่อน จึงไม่แตกต่างอะไรจากการอนุญาตเปิดทางให้สิ่งที่เราไม่มีวันรู้เลยว่ามันคืออะไร ติดตามเราไปไหนมาไหนด้วยนั่นเอง
เวลาที่เราเจอศาลเพียงตาหรือศาลร้างที่ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่ง โค้งอันตรายทั้งหลาย จะผ่านไปเลยก็ได้หรือจะใช้วิธีการบีบแตร 1-2 ครั้งแล้วผ่านไป การบีบแตรนั้นเอาไว้เพื่อเรียกสติตนเอง เป็นการขอผ่านทางให้สิ่งที่อาศัยอยู่ในศาลแห่งนั้นตกใจแล้วให้เรารีบขับผ่านไปโดยด่วน
สำหรับใครที่ดันเผลอยกมือไหว้ไปแล้วก็มีวิธีการแก้เคล็ดเช่นเดียวกัน วันรุ่งขึ้นให้เราเดินทางไปที่วัดเพื่อถวายสังฆทาน จากนั้นกรวดน้ำทำบุญและบอกกับวิญญาณหรือสิ่งลึกลับที่ติดตามมาว่า ขอตัดเวรตัดกรรมที่มีร่วมกันกับทุกดวงวิญญาณที่เคยเผลอยกมือไหว้ ขอให้เราเป็นอิสระต่อกัน ก็จะช่วยให้สิ่งใดก็ตามที่ตามเรามาจากการที่เรายกมือไหว้โดยไม่ทันได้ระวังไม่ติดตามเราอีกต่อไป