เดินทางมาตะลุยเมืองนาราทั้งที จะไม่ไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมอย่างวัดโทไดจิก็คงเหมือนกับมาไม่ถึง วัดแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น เปรียบเสมือนกับอัญมณีแห่งศาสนาพุทธ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสมบัติล้ำค่ามากมาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดตำนาน วัดโทไดจิ อารามไม้ใหญ่ใจกลางนารา ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุตสึ
วัดโทไดจิ ถือเป็นวัดสำคัญของเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปีคริสต์ศักราช 752 เป็นช่วงที่เมืองนารายังคงเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โดยจักรพรรดิโชมุ เพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเคงง ในยุคนั้น ญี่ปุ่นเผชิญกับภัยพิบัติและโรคระบาด จักรพรรดิโชมุจึงทรงเชื่อว่า การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่จะช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัติและนำความสงบสุขมาสู่แผ่นดินได้
พระพุทธรูปไดบุทสึสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ถูกประดิษฐานอยู่ที่วัดโทไดจิแห่งนี้ โดยมีความสูงกว่า 15 เมตร และไม่ไกลกันนั้นยังมีประตู นันไดมง ประตูวัดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน และยังมีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
จากความใหญ่โตมโหฬาร อายุที่ยาวนานและความสำคัญที่มีต่อพระพุทธศาสนาและประเทศญี่ปุ่น ทำให้วัดโทไดจิแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมโดยยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากวิหารไดบุตสึเด็นแล้ว ภายในวัดโทไดจิยังมีอาคารสำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น วิหารนิกัตสึโด ตั้งอยู่บนเนินเขา และหอคอยซันกาสึโด สถานที่ที่เก็บรักษารูปปั้นเทวดา 28 องค์ ถือเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนารา
สำหรับการเดินทางมายังวัดโทไดจิ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟ JR สาย Nara ลงที่สถานี Nara เดินต่อประมาณ 20 นาที หรือโดยรถบัสจากสถานีขนส่ง Nara ได้เลย สำหรับคำแนะนำในการท่องเที่ยวก็คือ
ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเหมือนเวลาเราไปเที่ยววัดตามปกติ ไม่ถ่ายรูปภายในวิหารไดบูสึเด็น ให้เผื่อเวลาสำหรับการเยี่ยมชมสักหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวมีปริมาณมาก และศึกษาข้อมูลก่อนเดินทางทุกครั้ง
ขอพรพระพุทธรูปไดบุทสึสำริด วัดโทไดจิ เสริมสิริมงคล
เหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้วัดโทไดจิมีความสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ พระพุทธรูปไดบูสึสำริด พระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับความนิยมในการเดินทางเข้ามาขอพรเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีการขอพรกับพระพุทธรูปไดบูสึก็ไม่ได้แตกต่างจากการไหว้ขอพรในวัดญี่ปุ่นอื่น ๆ ก็คือ จะมีพื้นที่ให้จุดธูปบริเวณด้านหน้า หลังจากไหว้ขอพรแล้วก็ให้ปักธูปลงในกระถางธูป โดยที่ระหว่างไหว้ก็ให้ปัดควันธูปเข้าหาตัวเอง ตามความเชื่อที่ว่าเป็นการปัดเอาสิ่งดี ๆ เข้าหาตัวเองนั่นเอง
ภายในวิหารหลักวัดโทไดจิจะมีเสาไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปถ่ายรูปเป็นอย่างมาก เพราะความยาวรอบเสาจะมีขนาดที่ใหญ่เท่ากับจมูกของพระพุทธรูปไดบุทสึพอดี และบริเวณฐานมีช่องขนาดเล็ก มีความเชื่อว่าใครที่สามารถลอดผ่านช่องดังกล่าวได้สำเร็จ ก็จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและอายุยืนยาว และจะได้ตรัสรู้ในชาติหน้าอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำว่า ให้ระมัดระวังเรื่องการลอดช่องดังกล่าวเอาไว้สักหน่อย เพราะในอดีตเคยมีคนที่พยายามลอดผ่านช่องนี้แล้ว แต่ว่ารอดไม่ผ่านแล้วติดคาอยู่ในช่องพอดี กลายเป็นเรื่องวุ่นวายจนถึงขั้นออกข่าวดังในประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
เยี่ยมชมสวนกวางนารา
ใครที่มีโอกาสได้เดินทางมายังวัดโทไดจิ เมืองนาราแห่งนี้ ต้องไม่พลาดเดินทางไปท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง พื้นที่วัดนั้นค่อนข้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ของสวนกวางนารา นอกจากนี้ทางด้านตะวันออกของวิหารหลัก ยังมีวัดขนาดเล็กอีกจำนวนหนึ่งให้เราได้เดินทางไปเยี่ยมชม
ไม่ว่าจะเป็นวัดนิกัตสึโดหรือวัดฮอกเคโด เป็นอารามไม้เปิดโล่งที่อยู่บนฐานยกสูงขึ้นมา ลักษณะดูแตกต่างจากวัดญี่ปุ่นธรรมดาทั่วไป แต่ก็สวยงามมากพอที่นักท่องเที่ยวหลายคนจะยอมเดินขึ้นไปเยี่ยมชมอย่างใกล้ชิด
เมื่อขึ้นไปด้านบนจะพบกับพื้นที่สำหรับการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แถมระเบียงวัดนิกัตสึโดยังสามารถชมวิวในมุมสูงของเมืองนาราได้อีกด้วย ถือเป็นจุดชมวิวอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ย้อนกลับมาที่สวนกวางนารา นอกจากเราจะได้พบกับกวางจำนวนมากอย่างใกล้ชิดแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีสระน้ำให้เราได้พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย บอกเลยว่าเดินทางมาที่เดียว แต่คุ้มค่าสุด ๆ
สำหรับใครที่อยากเข้าไปเยี่ยมชมวิหารหลัก ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ต่อหนึ่งคนคือ 500 เยน สำหรับเด็กหนึ่งคนคือ 300 เยน หากเข้าทางวิหารหลักรวมถึงพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่มีค่าเข้าชม 800 เยน และเด็ก 400 เยน
– ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 16:30 น.
– ช่วงเดือนมีนาคมเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 17:00 น.
– ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 7:30 น. ถึง 17:30 น.
– ช่วงเดือนตุลาคมเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 7:30 น. ถึง 17:00 น.
– ตัวพิพิธภัณฑ์จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9:30 น. ถึงเวลาปิดหอ โดยจะปิดให้เข้าชมก่อนเวลาปิดหอ 30 นาที
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com