ใครที่ดูละครเรื่องพรหมลิขิตแล้วอยากตามรอยไปเที่ยววัดในอยุธยา วัดแห่งแรกที่เราอยากจะแนะนำก็คือวัดใหญ่ชัยมงคล วัดแห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของชาติไทยในสมัยโบราณเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันสภาพอาจจะไม่ได้สวยงามเหมือนในสมัยกรุงศรี แต่ตอนนี้วัดก็กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางศาสนาและทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่อยากจะทำความรู้จักกับวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ให้มากขึ้น เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงความเป็นมาทั้งหมดกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดประวัติความเป็นมาของวัดใหญ่ชัยมงคล วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง
วัดใหญ่ชัยมงคล ถือเป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาหลายต่อหลายเหตุการณ์ ความเก่าแก่และความสวยงามของวัด ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาเยี่ยมชม
สิ่งที่น่าสนใจคือ เราจะได้ศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น ได้เยี่ยมชมความสวยงามของงานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเป็นสง่า ที่สำคัญคือที่วัดใหญ่ชัยมงคลยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่มีความสูงมากที่สุดในจังหวัดอีกด้วย
นอกจากนี้บริเวณด้านหลังยังมีตำหนักของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้คนที่นับถือได้เดินทางเข้ามากราบไหว้ บริเวณใกล้เคียงมีสวนหย่อมให้เราได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นสถานที่ทางพระพุทธศาสนาเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ที่สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นมา จุดเริ่มต้นของวัดต้องย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 1900 เจ้าแก้วได้ทิวงคตไปด้วยอาการป่วยจากโรคอหิวาตกโรค
สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดร่างของเจ้าแก้วขึ้นมาทำพิธีเผาตามศาสนา โดยสถานที่ปลงศพนั้นเป็นพระอารามของวัดป่าแก้ว ในเวลาต่อมาคณะสงฆ์ที่บวชเรียนในสำนักรัตนมหาเถระก็ได้มาประจำที่วัดป่าแก้ว คณะสงฆ์ดังกล่าวถือว่าเป็นที่เคารพเลื่อมใสในประเทศศรีลังกาเป็นอย่างมาก
สิ่งเหล่านี้ก็ได้แผ่ขยายมาจนถึงกรุงศรีอยุธยา มีผู้คนมากมายเดินทางมาบวชเรียนที่สำนักสงฆ์วัดป่าแก้ว พระเจ้าอู่ทองจึงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายดังกล่าวขึ้นมาให้เป็นสมเด็จพระวันรัตน ตำแหน่งเป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับสังฆราชฝ่ายคันธุระอย่างสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ตำนานเรื่องเล่าของวัดป่าแก้วก่อนจะกลายมาเป็นวัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นพุทธสถานที่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวอยุธยา หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่องศรีสุริโยไทอาจพอจำได้ว่า พระอุโบสถของวัดแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้คนที่ต้องการจะกำจัดขุนวรวงศ์ศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้มาประชุมกันและทำพิธีเสี่ยงเทียนอธิษฐานและพิธีการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ
ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการอัญเชิญพระเทียนราชาให้ลาผนวชและกลับมาขึ้นครองราชย์โดยมีพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิในปี 2104 ซึ่งในช่วงเวลานี้นี่เองที่มีการออกพระราชโองการ นำเอาตัวสังฆราชจากวัดป่าแก้วไปสำเร็จโทษ เนื่องจากมีการฝักใฝ่ให้ฤกษ์ให้ยามกับพวกกบฏพระศรีศิลป์ในปี 2135
นอกจากวัดใหญ่ชัยมงคลจะเป็นสถานที่สำคัญในยุคของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแล้ว ในยุคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเองก็เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นที่นี่เช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีการปฏิสังขรณ์วัดรวมถึงเจดีย์ประธาน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติให้กับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากสามารถคว้าชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชและกู้บ้านกู้เมืองได้สำเร็จ เหตุการณ์นี้เองที่กลายเป็นที่มาของชื่อ วัดใหญ่ชัยมงคล
เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์สถานแสดงชัยชนะของอยุธยาในวัดใหญ่ชัยมงคล
วัดแห่งนี้ในอดีตอาจมีความสวยงามและถือเป็นวัดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเดินทางมาทำบุญ แต่ในปัจจุบันวัดใหญ่ชัยมงคลกลายมาเป็นโบราณสถาน ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและประวัติศาสตร์ในสมัยโบราณเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา 1 ในนั้นคือเจดีย์ชัยมงคล
เจดีย์ที่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากที่สร้างวีรกรรมทำยุทธหัตถีกับมังกะยอชวาหรือพระมหาอุปราชหงสาวดีที่ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัดสุพรรณบุรีได้สำเร็จ
ช่วงเวลานั้นกองทัพพม่ายกทัพเข้ามาจนถึงขอบขันฑสีมา สมเด็จพระนเรศวรและพระอนุชาอย่างสมเด็จพระเอกาทศรถได้นำทัพไปทำสงคราม ขี่ช้างเข้าไปภายในวงล้อมของพม่าที่มีปืนใหญ่ระดมยิงเข้ามามากมาย เหล่าแม่ทัพนายกองที่ตามพระองค์ไม่ทันต่างก็กังวล
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงประกาศด้วยเสียงดังด้วยประโยคที่หลายคนยังตราตรึงใจว่า พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ในร่มไม้ทำไมเล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติแก่แผ่นดิน ภายภาคหน้าที่ไม่มีกษัตริย์จะได้ยุทธหัตถี ด้วยเหตุนี้พระอุปราชจากพม่าจึงขี่ช้างออกมาทำยุทธหัตถีก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับพระนเรศวรในที่สุด
หลังคว้าชัยชนะได้สำเร็จและเดินทางกลับสู่พระนคร พระองค์จำต้องลงโทษทหารที่ไม่สามารถตามตัวเองได้ทันตอนสงคราม เนื่องจากเป็นกฎระเบียบที่ต้องประหารชีวิต ขณะที่กำลังรอลงอาญาอยู่นั้น สมเด็จพระพันรัตนะผู้เป็นพระสังฆราชและพระสงฆ์อีกกว่า 25 รูป ได้มาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับเหล่าทหาร โดยกล่าวว่า
พระองค์เปรียบเสมือนพระพุทธเจ้าที่ถูกห้อมล้อมด้วยมารผจญก่อนตรัสรู้ จึงเป็นเกียรติและบารมีที่ได้แสดงทั้งความเก่งกาจและความกล้าหาญให้แผ่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้ทหารเหล่านั้นจึงถูกละเว้นจากโทษประหาร และมีการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นมาในวัดใหญ่ชัยมงคล เพื่อเป็นการประกาศถึงชัยชนะและแสดงให้เห็นความมีน้ำพระทัยของพระองค์ท่าน นั่นเอง
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ สายมู.com